ภาคประชาชาจ่อร้อง ป.ป.ช. เอาผิดบิ๊กขรก.ประจวบฯ กรณีปล่อยลูกจ้างยักยอกเงิน 33.9 ล้าน

วันที่  23 มิถุนายน  นางรพิพรรณ อ๊อตวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดมอบอำนาจให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ให้ดำเนินคดี นางสาวขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานวิชาการการเงินและบัญชี  สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม หลังพบว่ามีการยักยอกเงินงบประมาณของทางราชการรวม 33.9 ล้าน นั้น เบื้องต้นได้รายงานข้อเท็จจริงให้ สตง.ภาค 12 และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินรับทราบ ซึ่งดำเนินการในลักษณะดังกล่าวของลูกจ้างเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย

ส่วนตัวไม่เคยพบว่ามีจังหวัดใดมีปัญหาในลักษณะนี้มาก่อน  และเร็วๆ นี้หากมีการตรวจสอบเพื่อลงลึกในรายะเอียดไม่มั่นใจว่ามูลค่าความเสียหายจะไปตามจำนวนเงินงบประมาณที่ลูกจ้างให้การรับสารภาพหรือไม่ สำหรับการดำเนินการของ สตง.จังหวัด จะต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของหน่วยงานในระดับจังหวัดและหลังจากกระทรวงมหาดไทยตั้งกรรมการสอบวินัยข้าราชการที่มีส่วนรับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่เพื่อเอาผิดทางละเมิด  ขณะเดียวกันยอมรับว่าปัญหาจากโควิด 19 ทำให้เจ้าหน้าที่ สตง.มีปัญหาในการลงไปตรวจ  62 หน่วยงานราชการเพื่อสุ่มตรวจการใช้งบประมาณ  

ผู้อำนวยการสำนักตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า ขณะนี้ข้อมูลจากการตรวจสอบบางส่วนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ทราบว่าก่อนหน้านี้ในปี 2562 เจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัดตรวจสอบพบมีการนำเงินงบประมาณกว่า 1.2 ล้านบาท ออกไปใช้จ่ายในลักษณะการหมุนเวียนและนำมาใช้คืนในระบบในภายหลัง ส่วนการตรวจสอบตามรอบของ สตง.จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 180 วัน หรือภายในเดือนมีนาคมปีถัดไป หลังสิ้นสุดปีงบประมาณวันที่ 30 กันยายน ของทุกปี  ทั้งนี้การทุจริตของลูกจ้างรายดังกล่าวส่วนตัวเชื่อว่า สามารถกระทำความผิดเพียงลำพังจากการเข้าถึงระบบการเบิกจ่าย ซึ่งเป็นการมอบหมายงานของผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ซึ่งอาจจะเข้าข่ายความผิดและจะต้องรับผิดชอบกับวงเงินที่ทางรากชารได้รับความเสียหาย

ด้านนายธีรพันธ์ นันทกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดลาป่วยเดินทางไปผ่าตัดต้อหินที่ กทม.และมอบหมายให้ให้ตนรักษาราชการแทน ยืนยันว่าไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดปัญหาการทุจริตได้ และต้องรอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้แถลงข้อเท็จจริงและแนวทางแก้ปัญหาทั้งหมด เนื่องจากมีการทุจริตที่มีวงเงินงงประมาณจำนวนมาก และประชาชนให้ความสนใจ ขณะที่มีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงในระดับจังหวัดแล้วหลายชุด พร้อมสั่งกำชับให้เร่งหาข้อสรุปโดยเร็ว

จ่าเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านการทุจริต จ.ประจวบคีรีขันธ์  กล่าวว่า จะเดินทางไปยื่นหนังสือที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เพื่อขอทรายผลการสอบข้อเท็จจริงของกรรมการทุกคณะในระดับจังหวัดที่มีการแต่งตั้ง เนื่องจากพบว่าที่ผ่านมาปัญหาการทุจริตหลายครั้งเช่น มีการปลอมลายมือชื่อรองผู้ว่าราชการจังหวัดรายหนึ่ง เพื่อออกใบอนุญาตปลอมขายให้เจ้าของโรงแรม 10 แห่งที่ อ.หัวหิน และ อ.ปราณบุรี เรื่องดังกล่าวผ่านมานานกว่า 2 ปี  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดไม่เคยสรุปข้อเท็จจริงชี้แจงต่อสาธารณะ  

นอกจากนั้นพบว่าการตั้งกรรมการสอบสวนมีเพียงข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในระดับจังหวัด  ซึ่งอาจมีปัญหาในระบบอุปถัมภ์ หรืออาจมีการช่วยเหลือ เนื่องจากไม่มีหน่วยงานอื่นเข้าไปร่วมตรวจสอบ ดังนั้นตนจะยื่นเรื่องร้องเรียนถึง ป.ป.ช.จังหวัด กรณีข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้องทั้งผู้บริหารและผู้ปฏิบัติ เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีความประมาท เลินเล่อ เป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหายในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน

ภาพ/ข่าว พอใจ จันทนา ข่าวภูมิภาค จ.ประจวบคีรีขันธ์