โจรแสบ แอบย่องขโมยแบตเตอรี่รถแบคโฮ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่  21  มิ.ย. 63   พ.ต.ท. ศิริศักดิ์ อรัญศรี สารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรพนัสนิคม ได้รับแจ้งว่า มีการลักทรัพย์ บริเวณพื้นที่ก่อสร้างคลองชลประทาน หมู่ที่ 10 ตำบลหมอนนาง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี จึงเร่งรัดเข้าตรวจสอบ โดยที่พบเกิดเหตุอยู่ป่ามันสำปะหลัง พบรถแบ็คโฮ สภาพใหม่เอี่ยม ยี่ห้อโคมัสสุ cp210 สีเหลือง และยี่ห้อวอลโว่ 210 สีดำ – เหลือง จอดหันหลังชนกัน ใกล้ๆกับบ้านพักของชาวบ้าน ซึ่งมีแบตเตอรี่ก็หายไปจำนวน 4 ลูก    พร้อมเครื่องอัดจาระบีที่ซื้อมาใหม่ๆ 2 กระบอกถังจาระบีขนาด 10 กิโลกรัม หายไป พร้อมยังได้พบกับนายสมยศ  ปุคัตะระ อายุ 42 ปี และนายธรรมณูญ  บุญอารีย์  อายุ 52 ปี ทั้งสองคนป็นคนขับรถแบคโฮคันที่จอดไว้ที่เกิดเหตุ

จากการสอบถามนายธรรมณูญ  เล่าว่า ตนเองได้นำรถแบ็คโฮมาจอดไว้หลังจากเลิกงานประมาณ 1 ทุ่มของวันที่ 20 มิถุนายน 2563    แล้วกลับไปพักผ่อนที่บ้านในตลาดเกาะโพธิ์ ก่อนยังสำรวจดูความเรียบร้อย     พอรุ่งเช้าเดินทางมาเพื่อทำงาน แต่ปรากฏว่าประตูรถถูกเปิด  จึงเข้าไปดูพบว่าช่องเก็บแบตเตอรี่ถูกเปิดออกแบตเตอรี่ใหม่ๆ 2 ลูกได้หายไป    รวมฝาปิดถังน้ำมันหาย อีกทั้งน้ำมันที่เติมเอาไว้จำนวน 360 ลิตร ก็หายไปเกลี้ยงถัง    รถแบ็คโฮทั้งของตนเองและเพื่อนร่วมงานนั้นเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ใช้งานได้ยังไม่นานทำงานยังไม่ถึง 100 ชั่วโมง    คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือคนที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้   โดยเฉพาะแบตเตอรี่ รถรุ่นนี้เป็นรุ่นใหม่มีระบบที่ซับซ้อน มีฝาปิด เหล็กครอบแน่นหนา คาดว่าน่าจะเป็นมืออาชีพอย่างแน่นอน พร้อมกับฝากไปถึงหัวขโมยอย่าได้มาทำอีก เพราะคนอื่นเดือดร้อน ต้องมาเสียเวลาทำมาหากิน เจ้าของมาเสียเงินซื้ออุปกรณ์ใหม่

ส่วนทางด้านนายสมยศ กล่าวว่า คนร้ายได้เอาชุดเครื่องเสียงที่ตนเองได้นำมาติดตั้งไปจนเกลี้ยง แบตเตอรี่ก็หายไปจำนวน 2 ลูก  พร้อมเครื่องอัดจาระบีที่ซื้อมาใหม่ๆ 2 กระบอก ถังจาระบีขนาด 10 กิโลกรัม ที่ยังไม่ได้เปิดใช้ 1 ถัง รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของรถแบ็คโฮ ทั้ง 2 คัน ที่หายไปกว่า  5 หมื่นกว่าบาท

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบรอยเท้าที่โคลน พร้อมกับคราบน้ำมันที่หกบนพื้นจำนวนหนึ่ง  คาดว่าคนร้ายคงมากันไม่ต่ำกว่า 4 คน    และนำรถยนต์กระบะเข้ามาขน เนื่องจากของทุกอย่างมีความหนัก  อย่างไรก็ตามจะได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดรอบๆที่เกิดเหตุ และตามเส้นทางเข้าออก เพื่อนำเป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป                   

อำนาจ     ลลิตลาวัณย์    ผู้สื่อข่าวภูมิภาค  ประจำจังหวัดชลบุรี