
สวนสัตว์สงขลา เชิญชมลูกนกคาสโซวารี"ข้าวตูข้าวตัง"คู่แรกที่เกิดในไทย เป็นสัตว์ป่าที่หายาก
นกคาสโซวารี สัตว์ป่าหายากอีกชนิด ที่ขยายพันธุ์ได้ยากในกรงเลี้ยง "ข้าวตูกับข้าวตัง" ที่เกิดภายในสวนสัตว์สงขลาเมื่อเดือนเมษายนปี 2562 ขณะนี้อายุ 1 ปีเศษ โดยพ่อแม่นกแคสโซวารีคู่แรกของไทยที่เกิดได้เองตามธรรมชาตินอกถิ่นอาศัย ได้รับความสนจากนักท่องเที่ยว
นกแคสโซวารีคู่แรกของไทยที่เกิดได้เองตามธรรมชาตินอกถิ่นอาศัย ภายในสวนสัตว์สงขลาเมื่อเดือนเมษายนปี 2562 และนี่คือภาพความน่ารักของลูกนกคาสโซวารี “ข้าวตูกับข้าวตัง” ตอนอายุได้ 1 เดือนเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2562 ที่ผู้สื่อข่าวได้ถ่ายไว้ช่วงที่สวนสัตว์สงขลาต้อนรับสมาชิกใหม่ลูกนกคาสโซวารี่ 2 ตัว ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมช่วงวันสงกรานต์ปี 2562 ที่ผ่านมา สำหรับลูกนกคาสโซวารี่ ลำตัวจะมีลักษณะเป็นลายๆตามยาวเหมือนแตงไทยดูสวยงาม และปัจจุบันนี้เมื่อโตขึ้นมาลายก็จะหายไปกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน นับเป็นความสำเร็จในการเลี้ยงสัตว์ภายใต้กรงเลี้ยงของสวนสัตว์สงขลาที่ทำให้เจ้านกแคสโซวารีคู่นี้เป็นนกแคสโซวารีคู่แรกของไทยที่เกิดได้เองตามธรรมชาตินอกถิ่นอาศัย
“ข้าวตูกับข้าวตัง” เป็นลูกนกคาสโซวารีที่เกิดภายในสวนสัตว์สงขลาเมื่อเดือนเมษายนปี 2562 ขณะนี้อายุ 1 ปีเศษ สำหรับนกคาสโซวารี่พันธุ์นี้ ชื่อ นกคาสโซวารี่ใต้ เป็นนกที่บินไม่ได้ มีขนาดใหญ่รองจากนกกระจอกเทศ ความสูงจากเท้าถึงแผ่นแข็งบนหัวประมาณ 1.5 เมตร เป็นนกที่อันตรายโดยนิ้วเท้าจะมีความแหลมคมใช้เตะใส่ศัตรู ฤดูผสมพันธุ์นกเพศเมียเมื่อผสมพันธุ์เสร็จจะปล่อยให้นกเพศผู้ฟักไข่และเลี้ยงลูก ส่วนเพศเมียจะไปผสมพันธุ์กับนกเพศผู้ตัวอื่นที่อยู่ในอาณาเขตของนกเพศเมีย นกคาสโซวารียังมีขนตามลำตัวยาวดูมีน้ำหนักเปรียบเหมือนเส้นผมของผู้หญิงด้วย
สำหรับนกคาสโซวารี ที่ในสวนสัตว์สงขลา ทั้งพ่อแม่ลูก รวม 4 ตัว อยู่ในส่วนแสดงนกคาสโซวารี ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวสวนสัตว์สงขลา ในช่วงนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากสวนสัตว์สงขลา อยู่ในช่วงเปิดให้บริการฟรี ให้กับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 30 มิถุนายน 2563 และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะเดินทางมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาท่องเที่ยวเป็นครอบครัว และไม่เคยเห็นนกคาสโซวารีที่มีขนาดใหญ่และมีสีสันสวยงาม จึงได้ความสนใจเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยว
นกคาสโซวารีเป็นสัตว์ประจำพื้นถิ่นในป่าดิบชื้นแถบหมู่เกาะนิวกีนี รัฐควีนแลนด์ รัฐตอนเหนือของออสเตรเลีย เป็นนกสายพันธุ์ ประเภทตัวใหญ่แต่บินไม่ได้ เช่นเดียวกับนกกระจอกเทศ นกอีมู นกทินามัส และนกกี่วี่ หรือเรียกว่า แรไทต์ พวกมันมีส่วนสูงโดยเฉลี่ย ราว 100 เซนติเมตร หนักราว 54 กิโลกรัม โดยทั่วไปตัวเมียมักมีขนาดใหญ่กว่า และพวกมันอาจสูงได้ราว 2 เมตรเลยทีเดียว
นกแคสโซวารี เป็นนกที่หากินตามลำพัง กินอาหารได้ตั้งแต่ผลไม้ ลูกไม้ตามพื้นหรือขึ้นตามพุ่มไม้เตี้ย ๆ เห็ดรา ไปจนถึงสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก และรวมถึงซากสัตว์ด้วย มักออกหากินในช่วงเวลาโพล้เพล้ ทั้งในตอนเช้ามืดและตอนเย็น
นกแคสโซวารี จัดเป็นนกที่มีอันตรายขั้นขีดสุด ด้วยอาวุธที่ทรงพลัง เล็บเท้าที่มีความคมเหมือนใบมีด ทุกครั้งที่มันกระโดดเตะศัตรู พวกมันจะใช้กรงเล็บอันแหลมคม กรีดลงบนผิวหนังของศัตรู ด้วยความเร็ว 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และนั่นสามารถสร้างความเจ็บปวดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว และลักษณะที่โดดเด่นอีกประการหนึ่ง นั่นคือ หงอนโค้งบนหัวสีดำที่มีส่วนผสมของเคราทิน มีลักษณะเป็นโพรงแข็งกลวง คล้ายหงอนไดโนเสาร์บางชนิด แม้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าพวกมันมีไว้เพื่ออะไร แต่สันนิษฐานว่า พวกมันมีไว้เพื่อใช้ส่งเสียงร้องในตอนข่มขวัญศัตรู ให้มีความกังวาล น่ากลัวมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
ปัจจุบัน สถานภาพของนกแคสโซวารีมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ตามสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือ International Union for Conservation of Nature ได้ระบุว่า จำนวนประชากรนกแคสโซวารี มีแนวโน้ม ลดลงอย่างน่าตกใจ ในถิ่นกำเนิดดั่งเดิมมีเพียง 2,500 – 3,000 ตัวเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการกระจายตัวอยู่ในสวนสัตว์ต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย
นภาลัย ชูศรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดสงขลา