
"ปมแค้นแทนพวก"ดับโหด3ศพ"จ๊อด อ่างทอง"
ไม่มีใครคาดคิดในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในพิธีสวดศพนายอุดร ภู่ระหงษ์ สมาชิก อบต.บ้านอิฐ ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ที่ผ่านมา จะเกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อ ร.ต.ต.กฤตสัณห์ จันทร์กระจ่าง หรือ จ๊อด กองปราบ
ที่ไปร่วมในพิธีจะถูกยิงตายอย่างโหดเหี้ยม มีเสียงวิจารณ์กันในวงคนใกล้ชิดว่า การตายของนายอุดร อาจมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งใน อบต.บ้านอิฐ ซึ่ง "จ๊อด กองปราบ" เป็นหนึ่งในสมาชิกด้วย
วันเกิดเหตุไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อนายปทุม อยู่ประเสริฐ อายุ 76 ปี ซึ่งนายอุดรเคารพเหมือนญาติผู้ใหญ่ เกิดโต้เถียงกับนายมนต์ชัย สินทรัพย์สกุล อายุ 34 ปี ลูกน้องคนสนิทของ "จ๊อด" ก่อนที่นายปทุมจะชักปืนออกมาและเกิดยื้อแย่งกันแต่สู้แรงนายปทุมไม่ได้ถูกยิงเข้าที่หน้าอก 2 นัดล้มลงสิ้นใจ
สิ้นเสียงปืน ร.ต.ต.กฤตสัณห์ ซึ่งยืนคุยอยู่กับชาวบ้านได้หันมา ทันใดนั้นเสียงกระสุนจากปืนนายปทุม แหวกอากาศตรงเข้าแก้มขวา ล้มคว่ำลงทันที ท่ามกลางความตกตะลึงของพระ เณร และประชาชน ระหว่างนั้นนายพีรนัฐ จันทร์จรูญ อายุ 21 ปี ลูกน้องของ "จ๊อด" อีกคนหนึ่งพยายามกระโดดเข้าใส่นายปทุม แต่ช้าไป ปากกระบอกปืนหันมาพร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของพีรนัฐกระเด็นไปตามแรงปืน เสียชีวิตเป็นศพที่สาม จากนั้นมือปืนก็อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนี
หลังเกิดเหตุนายวิศว ศะศิสมิต ผู้ว่าฯ อ่างทอง พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข ผบก.ภ.จว.อ่างทอง นายปัญญา งานเหลือ ปลัดจังหวัดอ่างทอง พ.ต.อ.ระวีโรจน์ กองกันภัย ผกก.สภ.เมืองอ่างทอง และพ.ต.ท.พีระพันธุ์ จันทร์เทียน รองผกก.ส.ภ.จว.อ่างทอง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยจังหวัดอ่างทอง เดินทางไปตรวจสอบ พบศพ ร.ต.ต.กฤตสัณห์ มีบาดแผลถูกยิงเข้าศีรษะ 3 นัด ลูกน้องอีก 2 คนก็ถูกกระสุนเข้าที่ศีรษะเช่นกัน
ตำรวจตรวจสอบในที่เกิดเหตุไม่มีพยานคนใดกล้าให้ปากคำชัดเจนนัก นอกจากหัวกระสุนปืนขนาด .38 แล้ว ยังพบปลอกกระสุนปืนปริศนาขนาด 9 มม.ตกอยู่ 1 ปลอก สร้างความกังขาว่าอาจมีคนร้ายมากกว่า 1 คนลงมือ
นายวีระ เจริญสาย อายุ 35 ปี รองนายก อบต.บ้านอิฐ เล่าว่า วันเกิดเหตุ ร.ต.ต.กฤตสัณห์ บอกกับสมาชิกทุกคนว่าให้ไปร่วมงานศพนายอุดร ตนจึงเดินทางไปก่อน ระหว่างที่นั่งรออยู่นั้นนายปทุมซึ่งมีอาการมึนเมาก็พูดจาแขวะอยู่ตลอดเวลา กระทั่งผู้ตายเดินขึ้นศาลาวัด นายปทุมจึงด่าอย่างหยาบคาย กระทั่งเสร็จพิธีนายปทุมก็เดินตาม ร.ต.ต.กฤตสัณห์ ซึ่งเดินไปร่ำลาชาวบ้านที่มาร่วมงาน
"พอนายมนต์ชัยที่เห็นว่าระหว่างสวดศพนายปทุมพูดจาไม่ดีจึงเข้าไปถามว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า จากนั้นนายปทุมก็ชักปืนยิงนายมนต์ชัย 2 นัด ตอนนั้นผมยืนอยู่ใกล้กับร.ต.ต.กฤตสัณห์ พอเสียงปืนดัง ร.ต.ต.กฤตสัณห์ที่หันหลังให้นายปทุมก็หันไปดูเป็นจังหวะที่นายปทุมยิงสวนเข้ามาโดนแก้ม ร.ต.ต.กฤตสัณห์ จนล้มลง จากนั้นผู้คนที่อยู่ในวัดต่างหมอบกันเป็นแถว แต่เห็นนายอนุชา หรือเอิร์ท กระโดดเข้าล็อกนายปทุมแต่ล็อกผิดถูกนายปทุมจ่อยิงที่หัวจนนายอนุชาล้มลง จากนั้นนายปทุมก็เดินมาจ่อยิง ร.ต.ต.กฤตสัณห์ ที่หัวอีก ก่อนหลบหนีไป" นายวีระเล่าอย่างระทึก
นายวีระ เล่าด้วยว่า ระหว่างที่ตนหมอบลงนั้นไม่ทราบว่ามีใครยิงปืนอีกบ้าง พอเสียงปืนสงบนายฉลวยคนขับรถ ร.ต.ต.กฤตสัณห์ ก็วิ่งขึ้นมาพลิกร่าง ร.ต.ต.กฤตสัณห์ ขึ้นมาและหยิบปืนที่เอว ร.ต.ต.กฤตสัณห์ ออกมาเพื่อไม่ให้ใครมายิงซ้ำอีก
"เคยเตือนจ๊อดว่าอย่ามางานศพเพราะก่อนหน้านี้นายปทุมเคยเข้าไปหา ขอให้นายอุดรกลับเข้าทำงานเหมือนเดิมเนื่องจากมีความขัดแย้งเกี่ยวกับการทำงาน แต่ผู้ตายบอกว่าขึ้นอยู่กับสภา" นายวีระ เล่าถึงความขัดแย้ง
ด้านพ.ต.อ.ระวีโรจน์ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมีเหตุจากนายปทุมโกรธแค้นแทนนายอุดรคนตายที่ถูกลอบยิงและนายอุดรยังอยู่ระหว่างถูกถอดถอนออกจากสมาชิก อบต. ซึ่งทุกคนคิดว่า ร.ต.ต.กฤตสัณห์อยู่เบื้องหลังการตายของนายอุดร
มีรายงานว่า มูลเหตุความขัดแย้งส่วนหนึ่งมาจาก "จ๊อด" กับนายอุดร อยู่ฝ่ายตรงข้ามกันในสภาอบต. แต่นายอุดรถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับยาบ้าได้ภายในบ้าน ทำให้มองว่า "จ๊อด" พยายามกลั่นแกล้ง โดยมีอดีตนักการเมืองท้องถิ่นบางคนพยายามยุแหย่ทั้งสอง
ด้านนางวรินทร์ธร จันทร์กระจ่าง หรือเจ๊นา อดีตนักโบว์ลิ่งทีมชาติวัย 52 ปี ภรรยา "จ๊อด กองปราบ" บอกว่า ที่ผ่านมาสามีสร้างแต่ความดีช่วยเหลือคนมาโดยตลอด เหตุที่ถูกยิงตายเพราะไม่ได้ระวังตัวและคิดไม่ถึงว่าคนที่นับถือกันจะมาทำ ไม่คิดว่าสามีจะมาจบแบบนี้
"พยายามบอกให้เลิกเล่นการเมืองเพราะมีแต่คนใส่ร้ายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นการเข้าใจผิดกันระหว่างนายปทุมกับสามีเพราะมีคนคอยใส่ร้ายยุแหย่ พี่ใช้ชีวิตร่วมกันมา 27 ปี สามีไม่เคยบอกรักต่อหน้าประชาชนเลยแต่ที่งานเลี้ยง อบต.เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม สามีบอกรักและกอดพี่ว่ารักที่สุดต่อหน้าชาวบ้านกว่า 500 คน ซึ่งเป็นคำพูดสุดท้าย" นางวรินทร์ธรกล่าว
สำหรับร.ต.ต.กฤตสัณห์หลังจากได้เลื่อนยศเป็น ร.ต.ต. ก็หันหน้าเข้าสู่สนามการเมืองครั้งแรกเป็นหัวคะแนนให้คนในตระกูล "เปาอินทร์" ต่อมาย้ายสังกัดมาสนับสนุนค่าย "ปริศนานันทกุล" สุดท้ายก็ผันชีวิตลงสู่สนามการเมืองท้องถิ่นใน จ.อ่างทอง
สุรศักดิ์ หริ่มสืบ