โบลตัน แฉ ทรัมป์ ขอร้องสี จิ้นผิง ซื้อสินค้าเกษตร ช่วยชนะเลือกตั้งอีกสมัย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เจอระเบิดการเมืองตูมใหญ่ เมื่ออดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ จอห์น โบลตัน เตรียมวางแผงหนังสือเล่มใหม่ ที่บอกเล่าเรื่องราววงในทำเนียบขาว ซึ่งล่าสุด สื่อหลายสำนักในสหรัฐ เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนว่า ระหว่างที่ทรัมป์ พบเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน นอกรอบการประชุมสุดยอด จี-20 ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่นเมื่อมิถุนายนปีที่แล้ว ทรัมป์เปลี่ยนหัวข้อสนทนามาเป็นเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีและข้อตกลงการค้าอย่าง “น่าตกตะลึง” โดยย้ำความสำคัญของเกษตรกรและการเพิ่มซื้อถั่วเหลืองกับข้าวสาลี ที่จะมีผลต่อการเลือกตั้ง  ทรัมป์เสนอว่า สหรัฐจะไม่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่เหลืออีกมูลค่า 3.5 แสนล้าน  แต่รบเร้าให้ผู้นำจีนซื้อสินค้าเกษตรอเมริกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

โบลตัน อ้างว่า หลังจากประธานาธิบดีสี แสดงท่าทีสนองตอบ ทรัมป์ยกยอว่า สีเป็นผู้นำจีน ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ และว่าปฏิสัมพันธ์ของทรัมป์กับสี มาจากความทะยานอยากทางการเมืองมากกว่านโยบาย โบลตัน ระบุในหนังสือว่า  ยากมากที่จะนึกออกว่าการตัดสินใจใดๆของทรัมป์ไม่ได้มีแรงขับมาจากการคิดคำนวณถึงผลเลือกตั้ง ในระหว่างที่ตนเองทำงานในทำเนียบขาว

ข้อกล่าวหาที่ว่าทรัมป์ขอให้ผู้นำประเทศขั้วตรงข้าม ช่วยชนะเลือกตั้งครั้งหน้า กลับมากระเพื่อมวอชิงตันอีกครั้ง  หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งหลุดข้อหาถอดถอนจากตำแหน่ง จากการขอให้ยูเครนช่วยเปิดสอบสวนอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน คู่แข่งจากเดโมแครตเมื่อปีที่แล้ว และยังมีเรื่องที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐ สรุปว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2016 เพื่อส่งทรัมป์เข้าทำเนียบขาว นอกจากนี้ ในการหาเสียงเลือกตั้งรักษาตำแหน่งเที่ยวนี้ ทีมหาเสียงของทรัมป์ก็ชูประเด็นจีนเป็นเรื่องใหญ่ โดยขายนโยบายต่อปักกิ่งว่า หนักแน่นเข้มแข็งกว่าไบเดน 

นี่เป็นแค่ส่วนเดียวในหนังสือของโบลตัน ชื่อว่า “The Room Where It Happened: A White House Memoir”  ซึ่งทำเนียบขาวพยายามขัดขวางการวางแผง ด้วยการยื่นฟ้องในข้อหาว่า โบลตันละเมิดข้อตกลงไม่เปิดเผยความลับ และเนื้อหามีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ แต่ส่อว่าการใช้กฎหมายขัดขวางจะไม่มีผล จากการที่สื่อหลายสำนักได้เนื้อหาหนังสือมาแล้ว และยังมีกำหนดวางแผนสัปดาห์หน้าเช่นเดิม 

 
สำหรับจอห์น โบลตันนั้น เคยเป็นอดีตทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ เคยดำรงตำแหน่งรองรัฐมนตรีต่างประเทศ ฝ่ายกิจการควบคุมอาวุธและความมั่นคงระหว่างประเทศ เขาถูกปลดจากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เนื่องจากแนวทางนโยบายต่างประเทศที่ไม่สอดคล้องกับประธานาธิบดี