ข่าว

สุดสลดดับคาบ้านแม่ปัดประกันตัวลูกสาวต้องสงสัยมาหาพ่อบังเกิดเกล้า

สุดสลดดับคาบ้านแม่ปัดประกันตัวลูกสาวต้องสงสัยมาหาพ่อบังเกิดเกล้า

17 มิ.ย. 2563

แม่เยี่ยมลูกสาวถูกควบคุมตัวไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ปัดประกันตัว หลังต้องสงสัยมาหาพ่อบังเกิดเกล้าก่อนเกิดเหตุสุดสลดดับคาบ้าน

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 16 มิถุนายน 2563 ร.ต.อ.ไมตรี มะลิลา รอง สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งเหตุผู้เสียชีวิตภายในบ้าน แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ จึงประสานแพทย์เวร รพ.ภูมิพล เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านมีลูกกรงเหล็ก ลักษณะบ้านชั้นเดียว ตรงทางเดินภายในในบ้านพบศพ นายเกษม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ใส่เสื้อโปโล กางเกงขาสั้น มีผ้าพันแผลที่ขาขวาและแขนขวาเนื่องจากประสบอุบัติเหตุรถล้ม นอนจมกองเลือด สำหรับผู้ต้องสงสัยก่อเหตุเป็นลูกสาวของผู้ตาย อายุ 29 ปี

 

จากการสอบสวนพยานให้การว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายกลับมาจากโรงพยาบาลเพราะไปล้างแผลที่รถล้ม แล้วกลับมาที่บ้าน ระหว่างที่นั่งหน้าบ้าน ลูกสาวได้เดินทางมาพอดี จึงชวนเข้าบ้าน จากนั้น 15 นาที ลูกสาวก็เดินออกไปพร้อมกระเป๋า โดยไม่คุยกับใคร จากนั้นได้มีคนวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเห็นคราบเลือด จึงแจ้งตำรวจ ซึ่งตอนเกิดเหตุไม่มีใครได้ยินเสียงเพราะฝนตกหนัก

มารดาผู้ต้องสงสัยก่อเหตุ อายุ 52 ปี เปิดเผยว่า ตนเลิกกับสามีมานานแล้ว ตั้งแต่ลูกสาวยังเล็ก พอลูกเข้า ม.1 สามีขอลูกมาเลี้ยง ตนก็ให้ค่าใช้จ่าย ปกติผู้ตายเป็นคนฉุนเฉียวซึ่งคนทั่วไปไม่รู้ว่าชอบดุด่าลูก หลังลูกจบ ม.3 มีปัญหาติดแฟนเสพยาจนเพี้ยน กันยายนปีก่อนพาไปรักษาที่ รพ.รามาธิบดี ทุกวันนี้ก็ยังมีอาการทางจิตอยู่ ต้องไปหาหมอจิตเวชเป็นประจำ ที่ผ่านมาลูกก็แยกกันอยู่กับพ่อ ไม่มีใครรู้ว่าพักที่ไหน แต่นานๆ จะมาหาพ่อที

 

เพื่อนบ้าน อายุ 56 ปี เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ที่ผ่านมา เห็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุมาหาพ่อ หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที เห็นเดินออกไปปากซอย ไม่มีท่าทีเร่งรีบใดๆ ระหว่างนั้นตนเห็นรอยเลือดที่แขน เอะใจก็เลยเรียกเพื่อนบ้านเข้าไปดู ปรากฏว่า พบนอนจมเลือดไหล จึงโทรแจ้งตำรวจ ทั้งนี้ เคยเห็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุมาหาผู้ตายบ่อยครั้ง ปกติจะมาคนเดียว

ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 02.30 น. วันนี้ (17 มิถุนายน 2563) เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ที่บริเวณปากซอยชินเขต 1/31 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ ขณะที่ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุกำลังเดินอยู่ข้างถนน

 

โดยเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุมาควบคุมที่โรงพัก ทั้งนี้ ยังไม่สามารถสอบปากคำได้เนื่องจากผู้ต้องสงสัยก่อเหตุพูดจาไม่รู้เรื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนั่งเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดที่หน้าห้องควบคุม

ต่อมาเวลา 09.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำอาหารและน้ำให้ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุรับประทาน จากนั้นเวลา 10.20 น. ได้นำตัวส่งไปตรวจหาสารเสพติดและตรวจสภาพจิตใจที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรมการแพทย์ (โรงพยาบาลธัญญารักษ์) จังหวัดปทุมธานี โดยขณะที่ควบคุมตัวไปขึ้นรถผู้ต้องสงสัยก่อเหตุได้ตะโกนปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิดอะไร

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ มีเจ้าหน้าที่จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เดินทางมาที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อประสานดูแลเรื่องสิทธิ์ให้กับญาติผู้เสียชีวิต

พันตำรวจโท สุรินทร์ ภู่ฤทธิ์ รองผู้กำกับฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุฝ่ายสืบสวนได้แกะรอยติดตามตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุ พบว่า ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุได้ไปหาเพื่อนก่อนจะนั่งรถแท็กซี่ออกไปไม่ทราบปลายทาง ทีมสืบสวนได้ลงพื้นที่ไปเฝ้าอยู่หลายจุด กระทั่งไปพบอยู่หน้าปากซอยชินเขต 1/31 จึงเชิญตัวมาที่สถานีตำรวจ โดยผู้ต้องสงสัยก่อเหตุให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

มารดาผู้ต้องสงสัยก่อเหตุ เปิดเผยว่า ได้เดินทางมาที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อเยี่ยมลูกสาว และปรึกษาเรื่องการขอรับศพอดีตสามี ขณะนี้อยู่ระหว่างการค้นหาเอกสาร เนื่องจากตนได้เลิกรากับผู้เสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนลูกสาวนั้นไม่เจอกันตั้งแต่ช่วงวิกฤติโควิด-19 ประมาณเดือนเมษายน ที่ผ่านมา เริ่มเห็นว่าลูกสาวมีอาการเกี่ยวกับสภาพจิตใจ ตั้งแต่ปี 2560 และมีการพบแพทย์เพื่อรักษาในช่วงปี 2561 ซึ่งช่วงนั้นมีคดีความเรื่องสามีของลูก ส่วนการประกันตัว ทางญาติจะไม่ประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะไปก่อเหตุซ้ำกับคนอื่น

 

พ่อเลี้ยง อายุ 59 ปี เล่าว่า ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุมีการรักษาทางจิตและเคยติดยา โดยตนเคยเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก เคยเห็นผู้ตายทำร้ายเวลาที่ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุไปขอเงินก็จะพูดจาโผงผาง และได้รับลูกของผู้ต้องสงสัยก่อเหตุมาดูแล เชื่อปมก่อเหตุเพราะกดดันจากที่เคยถูกกระทำ โดยในช่วงสิ้นเดือนนี้ศาลจะมีการตัดสินคดีของสามีผู้ต้องสงสัยก่อเหตุกระทำกับลูก

รายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุถูกจับกุมตัวได้ มีลักษณะอาการเกี่ยวกับจิตใจ มีการตะโกนอยู่ภายในห้องควบคุมว่า ถูกใส่ร้าย และถามว่าเมื่อไหร่จะปล่อยหนู หนูอึดอัด และที่ผ่านมา ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจบ่อยครั้ง เพื่อแจ้งความเกี่ยวกับคดีของลูก ซึ่งการมาแต่ละครั้งจะเรียกวินรถ จยย.รับจ้าง ให้มาส่ง บางครั้งก็ไม่จ่ายเงินให้ เจ้าหน้าที่จึงต้องจ่ายค่ารถแทน

อย่างไรตาม ต้องรอผลตรวจร่างกายเกี่ยวกับอาการทางประสาทและสารเสพติดก่อนดำเนินการทางคดีต่อไป

 

อ่านข่าว - โผล่อีก ลุงหื่นข้างบ้านลวงเด็ก 9 ขวบไปเล่นกับลูกสาว ก่อนขืนใจในห้องน้ำ

 

สุดสลด

 

สุดสลด