ข่าว

สองพี่น้องช่วยแม่เรียกลูกค้าด้วยการ ตีกลอง เป่าแคน ไปเร่ขายที่ไหนมีแต่คนอุดหนุน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ลูกชายยอดกตัญญู ช่วยแม่เรียกลูกค้าด้วยการ ตีกลอง เป่าแคน ช่วยแม่ขายลูกชิ้นนึ่ง และกับข้าว ตระเวนไปตามหมู่บ้าน พอมีรายได้เลี้ยงดูแลครอบครัว ส่งลูกเรียน จากเดิมที่ขายไม่ค่อยได้ วันนี้ขายดีมาก

วันที่ 15 มิถุนายน 2563 ที่ หมู่บ้านอารางใหม่พัฒนา หมู่ที่ 20 ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ครอบครัวของ นางสาว วรธมน เขตสันเทียะ อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 136 ภายหลังจากที่พ่อโดนจับติดคุกคดีเข้าไปพัวพันกับยาเสพติด ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการต่อสู้คดี ครอบครัวก็เหมือนขาดเสาหลัก ภรรยาผู้เป็นแม่ของลูกๆ ก็จะต้องดิ้นรนสู้ชีวิต เพื่อที่จะให้ลูกได้เรียนหนังสือ ได้มีการศึกษา มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว ช่วงเช้ามืดตั้งแต่ เวลา 04.00 น. ก็ต้องตื่นเพื่อออกไปรับจ้างกรีดยางพารา พอช่วงสายมาหลังจากกลับจากรับจ้างกรีดยางก็จะต้องไปตลาด เพื่อหาซื้อข้าวของ วัตถุดิบมาเตรียมขายกับข้าว และลูกชิ้นนึ่ง โดยมีรถสามล้อพ่วงข้าวที่ต่อเติมมาพิเศษ ไว้เป็นที่สำหรับขายกับข้าว ลูกชิ้นนึ่ง ตระเวนไปตามหมู่บ้าน ช่วงแรก ๆ ก็ไม่ค่อยมีคนรู้จัก ขายไม่ค่อยดีนัก ขณะที่ลูกชาย ที่เป็นนักดนตรีของวงโปงลางของโรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ มีแคนประจำกาย 2 ดวง ก็มาสอนให้น้องตัวเล็กตีกลองเล่นกันที่บ้าน ช่วงแม่ออกไปขายกับข้าว ต่อมาก็ขอไปกับแม่ และเป่าแคน ตีกลองไปด้วย จนทุกวันนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ ลูกชิ้นหมอแคนสามแม่ลูกมาแล้ว กลับเป็นว่ามีคนสนใจมาดักทางภายหลังจากได้ยินเสียงแคน เสียงกลองที่ลูกชายเป่าไปกับแม่ ขายหมดทุกวัน เฉลี่ยวันหนึ่ง ราว 1,500 – 1,600.-บาท และก็พอมีกำไรบ้าง

สองพี่น้องช่วยแม่เรียกลูกค้าด้วยการ ตีกลอง เป่าแคน ไปเร่ขายที่ไหนมีแต่คนอุดหนุน

 

สองพี่น้องช่วยแม่เรียกลูกค้าด้วยการ ตีกลอง เป่าแคน ไปเร่ขายที่ไหนมีแต่คนอุดหนุน

น้องกันต์ หรือ ด.ช.อดิศวร โพธิ์ศรี อายุ 7 ขวบ มือกลองตัวจิ๋ว และน้องก็อต หรือ ด.ช.อดิศักดิ์ โพธิ์ศรี อายุ 14 ปี หมอแคนผู้เป็นพี่ชาย เล่าว่า ตนอยู่บ้านเฉยๆ ในช่วงปิดเทอม และเจอสถานการณ์โควิด-19 โรงเรียนยังไม่เปิด พี่ชายก็เลยนำแคนมาเป่า และสอนให้ตนตีกลองทำจังหวะให้ เพราะพี่ชายชอบเป่าแคนมาก เห็นแม่ทำงานหนักก็อยากจะช่วย แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เห็นในยูทูป ในเฟสบุค ที่อื่นเขาร้องลิเก ร้องลำเพราะเป็นหมอลำขายของ ขายสินค้าไปด้วย ก็เลยขอแม่ว่าขอไปขายกับข้าว ขายลูกชิ้นกับแม่ โดยขอเป่าแคนไปด้วย น้องตีกลองไปด้วย แม่อนุญาตก็เลยเป่าแคนตีกลองเรียกลูกค้า เป็นสัญลักษณ์ว่า ลูกชิ้นนึ่ง กับข้าวหมอแคนมาแล้ว แม่ก็ขายดีขึ้น มีคนมารอซื้อในทุก ๆ วันตามเส้นทางที่ไป

สองพี่น้องช่วยแม่เรียกลูกค้าด้วยการ ตีกลอง เป่าแคน ไปเร่ขายที่ไหนมีแต่คนอุดหนุน

สองพี่น้องช่วยแม่เรียกลูกค้าด้วยการ ตีกลอง เป่าแคน ไปเร่ขายที่ไหนมีแต่คนอุดหนุน

สองพี่น้องช่วยแม่เรียกลูกค้าด้วยการ ตีกลอง เป่าแคน ไปเร่ขายที่ไหนมีแต่คนอุดหนุน

นางสาว วรธมน เขตสันเทียะ  ผู้เป็นแม่หมอแคน มือกลอง เล่าว่า ในทุก ๆ วัน ตนก็จะตื่นแต่เช้าไปรับจ้างกรีดยางพารา กลับมาก็มาเตรียมข้าวของ เพื่อออกเร่ขายลูกชิ้นนึ่ง ขายกับข้าวเสริมกันไป ในแต่ละวันก็จะทำกับข้าว ราว 2 อย่าง และลูกชิ้นนึ่ง 2 ชั้น ก็ขายกับข้าวถุงละ 20.-บาท ลูกชิ้นก็ไม้ละ 5.-บาท วันหนึ่งๆ หากขายหมดก็จะมีรายได้ราว วันละ 1,500 – 1,600.-บาท หักต้นทุนก็พอมีรายได้วันละ 500 -600.-บาท ต่อวัน พอได้เลี้ยงดูแลลูก ที่จะต้องส่งเรียนไปจนจบ ลูกชายสองคนที่อยูกับแม่ ก็จะตามไปไหนมาไหนด้วย ไปขายลูกชิ้นนึ่ง ไปขายกับข้าวลูกก็จะไปด้วย ระยะหลังเขาไปเอาตัวอย่างมาจากมือถือเขา การที่เขาไปเรียนเป่าแคนจากวงดนตรีโปงลางของโรงเรียนขุนหาญวิทยาคม เขาก็เลยมาสอนน้องให้ตีกลองให้เขา และมาเป่าแคน ตีกลงเรียกแขก เรียกลูกค้าใหม่ให้แม่ จนทุกวันนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ไปว่า มาแล้วลูกชิ้นกับข้าวหมอแคน ก็ดีเพราะเขาเป็นลูกกตัญญูดีทั้งสองคน

สองพี่น้องช่วยแม่เรียกลูกค้าด้วยการ ตีกลอง เป่าแคน ไปเร่ขายที่ไหนมีแต่คนอุดหนุน

สองพี่น้องช่วยแม่เรียกลูกค้าด้วยการ ตีกลอง เป่าแคน ไปเร่ขายที่ไหนมีแต่คนอุดหนุน

ภาพ/ข่าว นายพงษ์พัฒน์ ไตรพิพัฒน์  ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจ.ศรีสะเกษ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ