"ขสมก." เปิดให้บริการเดินรถเต็มรูปแบบตามปกติแล้วเช้านี้

          15 มิ.ย.2563 ภายหลังมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 4 ยกเลิกเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถานทั่วราชอาณาจักร ในช่วงเวลา 23.00 - 03.00 น. พร้อมกับอนุญาตให้กิจกรรม ให้กิจกรรม กิจการในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง กลับมาเปิดบริการหรือดำเนินการได้ ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.2563 แต่ต้องปฏิบัติตามแนวทางการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด

 

          เช้าวันนี้ รถโดยสารขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)ได้กลับมาให้บริการตามปกติแล้ว โดยจัดแผนเดินรถ 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ประชาชนได้ใช้บริการตามปกติแม้ในช่วงเช้าที่ผ่านมาจะมีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งมีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมากระทั้งช่วงเช้าวันนี้ยังมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่งผลให้การจราจรช่วงเช้าของวันนี้ในบางเส้นทางมีรถหนาแน่น โดยบรรยากาศที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ มีรถมากแต่ยังสามารถเคลื่อนตัวได้ดี ส่วนประชาชนที่ต้องสัญจรเดินทางไปทำงานได้ใช้บริการขนส่งสาธารณะตามปกติ

 

 

 

          ขณะที่นายประทุม ธิงาม หัวหน้างานตรวจการเดินรถที่ 4 เปิดเผยว่า วันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีประชาชนมาใช้บริการตามปกติ แม้จะมีฝนตกโปรยลงมาบ้าง วันนี้เป็นวันแรกที่เดินรถเต็มรูปแบบปกติ เต็ม 100 เปอร์เซนต์ ทั้งนี้จะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกตามป้ายรถประจำทาง พร้อมขอความร่วมมือประชาชนในการสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า และการรักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร รวมถึงประชาสัมพันธ์การสแกน QR Code แอปพลิเคชันไทยชนะ ก่อนและลงจากรถ ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ทั้งนี้หากเส้นทางไหนที่มีประชาชนหนาแน่น ก็จะเพิ่มความถี่ของรถจากเดิมคันละ 5 นาที ก็จะเพิ่มเป็น 3 นาที

          อย่างไรก็ตามวันนี้ทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะให้บริการรถโดยสารประจำทางทุกเส้นทางตามเวลาปกติ โดยคาดว่าเมื่อดำเนินการ ตามมาตรการผ่อนคลายดังกล่าว จะส่งผลทำให้ผู้ใช้บริการรถโดยสารประจำทางของ ขสมก.เพิ่มขึ้น เป็นวันละประมาณ 650,000 คน จึงมีการจัดแผนการเดินรถโดยสาร ในช่วงมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 4 ดังนี้ 

 

 

          1.จัดรถออกวิ่ง 100 %  (3,000 คัน/วัน) หรือจัดรถออกวิ่งให้สอดคล้องกับความต้องการ ของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา โดยมีเที่ยววิ่งเฉลี่ย วันละประมาณ 25,000 เที่ยว

          2.ให้บริการรถโดยสารประจำทางในทุกเส้นทาง ตามเวลาปกติ รวมทั้งจัดรถโดยสารให้บริการตลอดคืน (รถกะสว่าง) ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.2563 เป็นต้นไป

          3.ขสมก.ยังคงดำเนินการตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID - 1

          ส่วนพนักงานประจำรถจะต้องมีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสารทุกครั้ง ก่อนขึ้นปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสาร พร้อมทั้งกำชับพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร สวมหน้ากากอนามัย และถุงมือทุกครั้ง ขณะปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสาร
 

          ด้านรถโดยสารประจำทาง จะต้องเพิ่มความถี่ในการล้างทำความสะอาดระบบปรับอากาศ และการทำความสะอาดผ้าม่านบนรถโดยสาร , ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ฉีดพ่นทำความสะอาดภายในรถโดยสาร และใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้บริการต้องสัมผัส เช่น เบาะที่นั่ง ราวจับ กริ่งสัญญาณ เป็นต้น พร้อมทั้งติดตั้งขวด เจลแอลกอฮอล์ สำหรับให้ผู้ใช้บริการล้างมือ บริเวณประตูทางขึ้น รวมถึง กำหนดจุดนั่ง (เบาะที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาท) และจุดยืนให้มีระยะห่างกัน 1 เมตร ซึ่งรถโดยสาร 1 คัน อนุญาตให้ ผู้ใช้บริการ ยืนได้ไม่เกิน 10 คน กรณีผู้ใช้บริการเต็ม พนักงานเก็บค่าโดยสารจะติดป้ายข้อความ “ ผู้ใช้บริการเต็ม โปรดใช้บริการ รถคันถัดไป ” บริเวณกระจกหน้ารถโดยสาร พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการรับทราบ เพื่อรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป

          นอกจากนี้จะต้องมีการ ติดตั้ง QR Code แอปพลิเคชันไทยชนะ บริเวณหลังเบาะที่นั่ง และบริเวณผนังด้านข้างภายในรถโดยสาร สำหรับให้ผู้ใช้บริการสแกนผ่านโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน เพื่อเก็บข้อมูลการเดินทาง กรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อใช้บริการรถโดยสารคันเดียว และเวลาเดียวกันกับผู้ใช้บริการ จะมีการแจ้งเตือนผ่านระบบ SMS ว่าผู้ใช้บริการมีความเสี่ยงให้รีบไปพบแพทย์

          สำหรับผู้ใช้บริการ จะต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ขณะใช้บริการรถโดยสาร จะต้องนั่งและยืนตามจุดที่กำหนด กรณีผู้ใช้บริการเต็มจะต้องรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป ควรสแกน QR Code แอปพลิเคชันไทยชนะ บนรถโดยสาร เพื่อเช็คอินเมื่อขึ้นรถ และเช็คเอาท์ก่อนลงจากรถ นอกจากนี้จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานเก็บค่าโดยสาร นายตรวจ และเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษอย่างเคร่งครัด