ข่าว

"หมู่อาร์ม"หอบ 7,000 รายชื่อ ยื่นป.ป.ช. จี้คุ้มครองพยาน-ย้ายหน่วย หลังเปิดโปงทุจริตในกองทัพ อ้างโดนคุกคาม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"หมู่อาร์ม" หอบ 7,000 รายชื่อ ยื่นป.ป.ช. จี้คุ้มครองพยาน หลังแฉทุจริตในกองทัพ อ้างโดนคุกคาม ยันไม่ลาออก ลั่นเดินหน้าทำกองทัพให้โปร่งใส

9 มิ.ย.63   สิบเอกณรงค์ชัย อินทรกวี หรือ หมู่อาร์ม เสมียนงบประมาณแผนกโครงการและงบประมาณกองแผน โครงการศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์ กรมสรรพาวุธทหารบก พร้อมด้วยนางสาวณัฏฐา มหัธนา นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชน ในนามผู้สร้างแคมเปญที่ใช้ชื่อว่า ประชาชนเพื่อการปฏิรูปกองทัพ ที่เรียกร้องให้ป.ป.ช.ใช้อำนาจตามกฎหมายในการคุ้มครองพยานที่เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 หมวด 7 มาตรา 133 ด้วยการย้ายให้ หมู่อาร์มไปสังกัดยังหน่วยงานอื่นตามคำร้องที่เคยยื่นไว้อย่างเร่งด่วนพร้อมกันนี้ ได้นำรายชื่อผู้เข้าสนับสนุนกว่า 6,300 คน มายื่นต่อ ปปช. เพื่อทวงถามความคืบหน้า หลังยื่นขอคุ้มครองพยานเข้ามาตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม และไม่ได้รับการติดต่อใดๆเป็นเวลานานกว่า2เดือน 

โดยนางสาวณัฏฐา เปิดเผยว่า หมู่อาร์ม ได้มายื่นคำเรื่องร้องเรียนที่ ป.ป.ช.ตั้งแต่ 17 มีนาคม และยื่นคำร้องขอย้ายหน่วยงานด้วย เพราะหลังเปิดโปง ก็ย่อมไม่มีความปลอดภัยในการกลับไปทำงานที่เดิม และขณะนี้หมู่อาร์มมีความเสี่ยงที่จะถูกปลด และถูกดำเนินการในศาลทหาร เพราะหนีราชการเกิน15วัน  จึงขอเรียกร้องไปยัง ผู้บัญชาการทหารบก พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ขอให้ชะลอคำสั่งปลดหมู่อาร์ม เพราะหมู่อาร์มไม่ได้มีเจตนาที่จะหนีราชการ และให้ความเป็นธรรมตามกระบวนการ โดยให้ ป.ป.ช.ทำงานให้ทันเวลา เพื่อปปช.จะได้ไม่โดนข้อหาในการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้มองว่า หาก ป.ป.ช.ไม่ดำเนินการคุ้มครองพยานก็จะไม่มีทหารชั้นผู้น้อยกล้าออกมาเปิดโปงการทุจริต และนี่ถือเป็นด่านแรกของการปฏิรูปกองทัพด้วย

ด้านสิบเอกณรงค์ชัย  กล่าวว่า ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา มีคนขับรถตาม ขับรถประกบบ้าง จึงทำให้ตนเองต้องเลือกที่จะหนี และยอมรับว่ารู้สึกผิดหวัง หากไม่เป็นข่าว ประเด็นก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะตนได้รับความเดือดร้อน เหมือนคนป่วยที่ต้องได้รับความดูแลอย่างเร่งด่วน ถ้าไม่เดือดร้อนจริงไม่มาแน่นอน ทั้งนี้หากยังไม่มีความคืบหน้าก็จะยื่นร้องเรียนใน ม.157 ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ 

ขณะนี้มีความกังวลหากถูกดำเนินคดี แล้วจะไม่ได้ประกันตัว เพราะตนเองไม่ได้เจตนาหลบหนี และหากถูกดำเนินคดีมองว่าก็ควรให้ประกันตัวสู้คดี และขณะนี้ยังไม่ถูกปลดออกจากราชการ ยังเป็นข้าราชการทหารอยู่ ซึ่งวันนี้ได้มาร้องขอสงวนสิทธิ์กรณีที่ทหารจะดำเดินคดีจำขังตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2563 เพราะตนเองได้มายื่นขอคุ้มครองพยานกับ ป.ป.ช.จึงขอวิงวอนให้ตนได้รับความยุติธรรม และขอให้ ป.ป.ช.ใช้อำนาจตาม ม.133 พรป.ว่าด้วยคณะกรรมการป้องป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งจะย้ายไปตำรวจหรือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นก็ได้  โดยหมู่อาร์มยืนยันว่า จะไม่ลาออกจากตำแหน่ง และจะไม่ทิ้งอุดมการณ์ และหากเรื่องนี้ผ่านไปได้ด้วยดี จะขอต่อสู้ให้กับทหารชั้นผู้น้อย และจะทำให้กองทัพโปร่งใสต่อไป 

สิบเอกณรงค์ชัย  ยังบอกอีกว่า เรื่องนี้จะเป็นผลต่อประชาชนทั่วไปและข้าราชการทุกคนในอนาคต เพราะกรณีการคุ้มครองพยานหากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐนั้น สามารถกำหนดตำแหน่งหรือเทียบเท่าในหน่วยงานอื่น จะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐตระหนักและไม่เกรงกลัวต่อการออกมาต่อสู้กับการทุจริตโดยไม่ถูกกลั่นแกล้ง และอยากให้ ปปช.บังคับใช้กฎหมายตัวนี้อย่างเคร่งครัด
 

ด้านนายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องการขอคุ้มครองพยานของหมู่อาร์มเข้าสู่วาระการพิจารณาในที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะวินิจฉัยวันนี้หรือไม่ ทั้งนี้ เรื่องการคุ้มครองพยานจะต้องสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ที่ร้องของ จึงต้องเร่งรัดดำเนินการ ส่วนหลังจาก กองทัพบกยื่นเรื่องการทุจริตเข้ามา ว่ามีนายพล 3 คนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น ขณะนี้ทาง ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบเบื้องต้น และอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร ของทั้งสองฝ่าย เพราะมีหลักฐานจำนวนมาก  

ส่วนนายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจกรรมพิเศษสำนักงาน ป.ป.ช. ตัวแทนที่มารับหนังสือ ยืนยันว่าการพิจารณาจะไม่ชักช้า โดยจะพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องว่ามีการถูกคุกคามหรือถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ หากปรากฏเป็นข้อเท็จจริงก็จะยื่นดำเนินการคุ้มครองพยาน ซึ่งคำร้องดังกล่าวอยู่ในวาระการประชุมของ ป.ป.ช.แล้ว แต่เนื่องจากมีหลายวาระจึงต้องพิจารณาตามลำดับ และคาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาโดยเร็ว 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ