"จิรายุ"ตั้งฉายา"ลุงตู่" " นักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา"

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ ว่า  ตนมีทั้งคำแนะนำและสิ่งที่จะประเมินรัฐบาลการกู้เงินหากรัฐบาลทำดีบริหารจัดการดี ก็จะไม่ต้องมีการกู้เพิ่ม  ซึ่งในหลายประเทศไม่ต้องกู้เพราะมีผู้บริหารเก่ง การตั้งฉายา"นักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา" ให้กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ผู้ทุ่มทุนสร้างก็คือประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งรัฐบาลอ้างว่ากู้เงินก็เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 แต่ตนมองว่า หากไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ก็ต้องกู้เหมือนกัน เพราะรัฐบาลไม่มีการทำงบประมาณแบบสมดุล ไม่ว่าปีไหนก็ต้องกู้อยู่ดี

ทั้งนี้ นายจิรายุ มองว่า การประกาศใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉินและประกาศเคอร์ฟิวที่ผ่านมา ช่วงเวลาการประกาศเคอร์ฟิว เป็นช่วงเวลาการเปิดบริการของสถานบันเทิง แต่เหตุใดไม่สั่งปิดสถานบันเทิงเพียงอย่างเดียว เพื่อให้กลุ่มธุรกิจอื่นสามารถเดินหน้าต่อได้ นอกจากนั้นมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่ามาตรการในร้านอาหาร  เป็นการเพิ่มต้นทุนให้สังคม แต่ต้องประเมินด้วยว่า สิ่งที่ทำมาทั้งหมดนั้น ทำให้เศรษฐกิจย่ำเเย่ 

นอกจากนี้นายจิรายุ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเคยกล่าวไว้ว่า ไม่มีรัฐบาลใดดูแลประชาชนแจกเงินได้ดีกว่ารัฐบาลนี้ ตนมองว่าเป็นเรื่องจริงได้แต่แจกเงิน การดูแลโรคภัยก็ว่ากันไป แต่ถือเป็นความโชคดีว่าประเทศไทย มีระบบสาธารณสุขที่ดี รวมไปถึงความร่วมมือของประชาชน การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหมือนเป็นการรวบอำนาจอยู่ในมือนายกรัฐมนตรีคนเดียวนี่คือเอกภาพ หรือไม่ได้ทำงานเป็นทีม 

 ส่วนเรื่องเงินประกันสังคม  ตนได้เรียกเอกสารเงินประกันสังคม พบว่ามีการส่งเงินสมทบ 2.03 ล้านล้านบาท ประชาชนต้องการขอเงินคืน ไม่ใช่ขอทาน เงินประกันสังคมที่ถูกหักนั้นสามารถเบิกได้ เพียง16,000 ล้านบาท ที่เหลือ 2.02 ล้านล้าน 82% ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ที่เหลือลงทุนในทองคำ 361,000 ล้านบาท โดยไม่คิดเลยว่าประชาชนเดือนร้อนและต้องการได้เงินคืน ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะแก้กฎหมายเงินประกันสังคมต่อไป

ส่วนวินัยการคลังด้านเศรษฐกิจ 6 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล แม้ว่าจะไม่มีวิกฤต"โควิด"การบริหารราชการ 6 ปีมีแต่ตกลงกู้กระจาย และกู้ไปแล้ว 2.6 ล้านล้าน แต่ทั้งหมดหากต้องกู้มากลบขาดดุล  การกู้เงินตนมองว่ากู้ แต่ไม่ใช่กู้โอเวอร์   ที่ต้องชำระหนี้กว่า 80 ปี โดยขอให้นายกรัฐมนตรีในวัย 150 ปี นั้นรอดู  พร้อมขอผู้ที่ได้รับเงินเยียวยา อย่าหลงใหล 5,000 บาท ถึงเวลารัฐบาลก็มารีดภาษี โดยตนอยากให้รัฐบาลสัญญาว่า จะไม่มีการรีดภาษีประชาชนภายในสิ้นปีหนี้หรือปีหน้า

และในช่วงหนึ่ง นายจิรายุ ได้กล่าวถึงรัฐบาลกับการรับมือโควิด - 19 ว่า หากรัฐบาลมีการออกกำลังกาย ก็จะแข็งแรงก็จะสู้โรคได้ แต่นำเงินมาซื้อปืน ซื้อเรือดำน้ำมาสู้โควิดได้หรือ ฝ่ายค้านไม่เคยปฏิเสธการกู้เงิน แต่จงจำไว้ว่าทุกวิกฤตจะมีฮีโร่หรือซีโร่ การกู้เงินเป็นเรื่องปกติ เหมือนหนี้บัตรเครดิต กู้แต่พอประมาณ ตนมองว่ากู้เงินเพียง 2 แสนล้านบาทก็น่าจะเพียงพอ

 ส่วนการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองตามมาตรา 7 โดยเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี หากไม่โกรธกัน อยากให้ตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกลั่นกรองด้วยเพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤตไปได้ พร้อมกับเตือนรัฐบาลว่า ในช่วงสิ้นปีพ.ร.ก.ฉบับนี้ได้มีการเขียนไว้ว่าจะต้องมีการแจงรายละเอียดต่อที่ประชุมสภาฯ ในช่วงเดือนตุลาคม เหลือเวลาอีก 6 เดือน ตนจะดูว่าผีจะเน่าก่อนถึงเมรุหรือไม่

 นอกจากนั้นยังมองว่า เงินกู้เงินล้านล้านอยู่กับพปชร. เป็นการรวมอำนาจ ตนจะรอดูว่าวันนี้พรรคร่วมจะกินแกลบแทนข้าว การกู้เงินครั้งใหญ่จะเป็นการตำน้ำพริกละลายมหาสมุทรหรือไม่ ที่ผ่านมาการทำงานของรัฐบาลก็สอบตกหมด และนี่อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายของประเทศไทย การทำเช่นนี้เหมือนการกู้เงินมาไม่รู้จะนำไปใช้อะไรบ้าง  นับจากนี้ไปการกู้เงินชนเพดานแล้ว พร้อมตั้งคำถามหากปีนี้มีปัญหาเศรษฐกิจตีกลับ คือมีโรคระบาดใหม่ รัฐบาลจะเอาเงินมาจากที่ใด

 ทั้งนี้ ยังฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี ให้เป็นผู้ฟังที่ดีอะไรไม่ดีก็ไปแก้ รับรัฐสภาฯให้มากขึ้น การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจะคิดแต่แจกอย่างเดียวไม่ได้ เครื่องยนต์ตัวเดียวขณะนี้คือการบริโภคภายในประเทศ รัฐบาลชุดนี้เหมือนตีเช็คเปล่า คิดแบบคนที่ไม่ใช่เจ้าของเงิน และตนขอฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี ลดความเป็นตัวตนเพราะความเป็นตัวตนของนายกรัฐมนตรีทำให้คนรอบข้างไม่กล้าที่จะพูด นำข้อเสนอแนะไปใช้ ไม่ใช่โต้ทุกดอกตอกทุกเม็ด และอยากให้นายกรัฐมนตรีเชิญมาร่วมกันพิจารณากลั่นกรองโดยไม่แบ่งฝ่าย เพื่อหาทางออกร่วมกัน อย่าสร้างภาพให้น่ากลัวเพื่อต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน