ข่าว

ปิดฉาก คดี "โอ๊ค" ฟอกเงินกรุงไทย" อสส.ชี้ขาดไม่อุทธรณ์คดีจบเเค่ชั้นต้น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"อสส."ชี้ขาดไม่อุทธรณ์ คดี "โอ๊ค- พานทองแท้ "ฟอกเงินกรุงไทย คดีสิ้นสุดแค่ศาลชั้นต้น เผย รอง อสส.ปฎิบัติราชการแทนเซ็นต์ลงนามคำสั่ง แต่หลังข่าวแพร่สะพัดออกไป อัยการสูงสุด ลั่น ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน ชี้ต้องดูตามพยานหลักฐาน 

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งชี้ขาดไม่ยื่นอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพานทองแท้ หรือโอ๊ค  ชินวัตร บุตรชายคนโตนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย จำนวน 10 ล้านบาท ทำให้คดีถือเป็นสิ้นสุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โดยมีรายงานว่าคำสั่งชี้ขาดดังกล่าวลงนามโดยรองอัยการสูงสุดคนหนึ่งซึ่งปฏิบัติราชการเเทนอัยการสูงสุด ส่วนเหตุผลคำสั่งชี้ขาดดังกล่าวคาดว่าจะมีการชี้เเจงจากสำนักอัยการสูงสุดต่อไป

สำหรับคดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง มีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 25 พ.ย.62 องค์คณะผู้พิพากษา 2 คนมีความเห็นต่างกันในการตัดสิน โดย 1 ในองค์คณะ มีความเห็นแย้งว่า พฤติการณ์ที่มีเช็คเงินลงชื่อนาย วิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร โอนเข้าบัญชีนายพานทองแท้ เป็นความผิด เห็นควรให้ลงโทษจำคุก 4 ปีซึ่งมีการบันทึกไว้เป็นความเห็นแย้งท้ายคำพิพากษาด้วย โดยหากคู่ความยื่นอุทธรณ์ความเห็นแย้งนี้ในสำนวนก็จะขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์ทราบด้วย 

 ภายหลังศาลมีคำพิพากษา ทางอัยการสำนักงานคดีพิเศษและอัยการคดีศาลสูง มีความเห็นไม่สมควรอุทธรณ์คดี จึงต้องส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณา แล้วเห็นว่ายังมีประเด็นสำคัญแห่งคดีที่ควรต้องนำสู่การพิจารณาของศาลสูงเพื่อวินิจฉัย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความเห็นควรให้นำคดีขึ้นสู่ศาลสูงโดยส่งให้อัยการสูงสุดชี้ขาดเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา จนกระทั่ง อัยการสูงสุดมีชี้ขาดดังกล่าว

สำหรับคำฟ้องคดีนี้ อัยการยื่นฟ้อง บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค.47 หลังจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร กับพวกร่วมกันกระทำผิดกับอดีตผู้บริหาร ธ.กรุงไทยฯ ในการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบ ทำให้ธนาคารเสียหายจำนวน 10,400,000,000 (หนึ่งหมื่นสี่ร้อยล้านบาท) แล้วนายวิชัยกับพวกร่วมกันฟอกเงินที่ได้จากการกระทำผิด โดยนายวิชัย ได้นำบริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด ที่มีนายรัชฎา บุตรชาย , นายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา เป็นกรรมการฯ บริษัทแกรนด์แซทเทิลไลท์คอมมูนิเคชั่น จำกัด ที่มีนายเชื้อ ช่อสลิด เป็นกรรมการฯ มาใช้ในการรับโอนเงินแล้วนำเงินนั้นไปซื้อขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นการเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน โดยนายวิชัย ได้โอนเงินจากการขายหุ้นนั้น ให้นายพานทองแท้ จำเลย จำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพื่อนกับนายรัชฎา บุตรของนายวิชัย และบุคคลในครอบครัวทั้งสองมีความรู้จักเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน

โดยนายวิชัย สั่งจ่ายเช็คลงวันที่ 17 พ.ค.47 จากบัญชีกระแสรายวัน ธ.ไทยธนาคาร สาขาบางพลัด ระบุชื่อนายพานทองแท้ ต่อมาวันที่ 18 พ.ค.47 จำเลยได้นำเช็คนั้นเรียกเก็บเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาบางพลัดของจำเลย และวันที่ 24 พ.ค.47 จำเลยได้ถอนเงิน 10 ล้านบาทเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ของจำเลยอีกอัน จากนั้นระหว่างวันที่ 24 พ.ค.-26 พ.ย.47 จำเลยได้ถอนเงินออกจากบัญชีผ่าน ATM ครั้งละ 5,000 - 20,000 บาทรวม 11 ครั้ง 

และช่วงในวันที่ 14 มิ.ย.47 มีเงินฝากเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ของจำเลย 80,000 บาท แล้ววันที่ 30 พ.ย.47 จำเลยได้ถอนเงิน 8,800,000 บาทจากบัญชีดังกล่าว เข้าฝากบัญชีกระแสรายวันธ.กรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ ซึ่งมียอดเงินรวมในบัญชี 14,720,352.07 บาท ต่อมาวันที่ 2 ธ.ค.47 จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คจำนวน 14,700,000 บาทจากบัญชีกระแสรายวัน ธ.กรุงเทพสาขาซอยอารีย์ โดยนายวิชัย , นายรัชฎา กับพวก และอดีตผู้บริหาร ธ.กรุงไทยฯ (รวม 18 คน) ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกคดีร่วมทุจริตการอนุมัติสินเชื่อ

** อสส. ขอตรวจสอบข้อมูลก่อนหลังสื่อตีข่าว รอง อสส.ปฏิบัติราชการแทนลงนามไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงินกรุงไทย 'พานทองแท้' ชี้ต้องดูตามพยานหลักฐาน 

อย่างไรก็ดีวันเดียวกันหลังสื่อหลายสำนักตีข่าว รอง อสส.ปฏิบัติราชการแทนลงนามไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงินกรุงไทยที่มีนายพานทองแท้เป็นจำเลย  นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด(อสส.) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงกรณีนี้ว่า เบื้องต้นขอตรวจสอบข้อมูลก่อนเพราะเรื่องความเห็นชี้ขาดว่าจะอุทธรณ์หรือไม่อุทธรณ์นั้น ต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน

ปิดฉาก  คดี "โอ๊ค" ฟอกเงินกรุงไทย" อสส.ชี้ขาดไม่อุทธรณ์คดีจบเเค่ชั้นต้น

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ