"เทวัญ" รมต.ประจำสำนักนายกฯ เร่งเยียวยาผู้ตกค้างเหตุกราดยิงโคราชต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่การเยียวยาพระสงฆ์ทั่วประเทศกำลังสำรวจและประเมิณตามความเหมาะสม ย้ำ มาตราการปลดล็อกเฟช 2 รอความชัดเจนหลังประชุม ศบค. ชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้
14 พ.ค.2563 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุภายหลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 4/2563 ณ ห้องประชุม 109 ชั้น 1 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่าที่ประชุมได้มีการหารือ ถึงการเยียวยาผู้บาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหายจากเหตุกราดยิง จ.นครราชสีมา ที่ยังตกค้างและต้องเร่งดำเนินการ แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการเติมเพิ่มรายละเอียดเนื่องจากคดีมีระยะเวลาผ่านมานานพอสมควร รวมถึงเข้าไปดูแลเรื่องการเสียชีวิตจากช้างป่า จ. ตราดด้วย
อ่านข่าว... เยียวยาเหยื่อโคราช ใช้เกณฑ์ ราชประสงค์ รายละล้าน
นายเทวัญ ยังกล่าวถึงการจัดสรรงบประมาณของ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือพ.ศ.เพื่อกระจายไปยังวัดต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ว่าอยู่ในระหว่างการสำรวจและประเมินว่าจะเยียวยาอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพในการใช้เงินมากที่สุด เนื่องจากทั่วประเทศมีวัด 4 หมื่นกว่าแห่ง และพระสงฆ์กว่า 3 แสนรูป ซึ่งมีทั้งวัดใหญ่ที่ยังสามารถดูแลตัวเองได้ และวัดที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ โดยส่วนมาก จะพบปัญหาค่าน้ำ-ค่าไฟ และการบริหารงานของเจ้าหน้าที่วัด/ตู้บริจาคและการบิณฑบาตที่มีการทำบุญน้อยลง ซึ่งสำนักพุทธต้องหารือร่วมกับ กรุงเทพมหานครและกระทรวงมหาดไทย ส่วนงบประมาณที่ตั้งไว้ต้องดูจากความจำเป็น โดย นายเทวัญ ยังยกตัวอย่างการไม่สามารถบิณฑบาตได้ของพระสงฆ์ ที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่ได้รับ เงินเยียวยารูปละ 100 บาท/วัน ซึ่งในพื้นที่อื่นไม่ได้ร้ายแรงเช่นเดียวกันจึงต้องมีการประเมินตัวเลขอีกครั้งทั้งนี้ยังไม่มีข้อสรุป แต่อย่างใด
ส่วนมาตราการผ่อนปรนระยะที่ 2 ภายหลังสถานการณ์โควิด-19ดีขึ้นนั้น ตนเองไม่ทราบขอให้รอผลสรุปภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ (ศบค.) ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ค.2563) เพื่อปลดล็อกและกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดมีการหารือหลายอย่าง เนื่องจากมีข้อเรียกร้องจากหลายกิจการ ส่วนการขยายระยะมาตราการเคอร์ฟิว จาก 22.00 - 04.00 น. เป็น 23.00 - 04.00 น. นั้น จะต้องดูเหตุผลต่าง ๆ ประกอบกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง