ฮือฮาเผาศพ!! "สนธิญาณ" เผาศพน้องชายกลางแจ้งให้เกิดประโยชน์พิจารณา"มรณสติ"

วันที่ 11 พ.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมาที่วัดป่าพุทธเมตตาศรีธรรมราม ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช หรือสถานปฏิบัติธรรมชื่นฤทัยในธรรม ได้มีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพนายสุทธิพงศ์ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม หรือต้อย ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย และคณาจารย์สถาบันทิศทางไทย ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้อำนวยการ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ร่วมด้วยช่วยกัน และสำนักข่าวทีนิวส์ ประธานเครือข่ายเฝ้าระวังพิทักษ์และปกป้อง- สถาบันพระมหากษัตริย์ ในปัจจุบัน เป็นรองประธานกรรมการบริษัทเนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป และประธานคณะกรรมการบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ Nation TV โดยนายสุทธิพงศ์ เสียชีวิตที่ รพ.มหาราช ด้วยโรคลมปัจจุบันเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา

            โดยในพิธี ฯมีข้าราชการ นักการเมือง นักธุรกิจ สื่อมวลชน พระภิกษุสงฆ์จากวัดต่าง ๆ ทั่วจังหวัดนครศรีธรรมราช และต่างจังหวัดและประชาชนเดินทางมาร่วมเป็นจำนวนมาก โดยหลังจากการประกอบศาสนกิจทางศาสนาเป็นที่เรียบร้อยแล้วญาติ ๆ ได้นำศพนายสุทธิพงศ์ บรรทุกรถยนต์กระบะไปยังเชิงตะกอนสถานที่ฌาปนกิจหรือเผาศพ ซึ่งมีการจัดสร้างขึ้นกลางลานห่างจากอาคารโรงธรรมภายในวัดไม่มากนัก และมีการจัดสร้างเชิงตะกอนชั่วคราวขึ้นด้วยการนำอิฐมาวางเรียงกันเป็นรูปสี่เหลี้ยมใหญ่กว่าโลงศพเล็กน้อย ก่อนนำถ่ายไฟมาวางกองรองไว้จนทั่ว จากนั้นได้นำหีบศพนายสุทธิพงศ์ ขึ้นไปวางในเชิงตะกอน โดยนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ได้ร่วมดำเนินการด้วยตนเองทุกขั้นตอน

พระครูภัทรธรรมาภรณ์ “พ่อท่านภพ”เจ้าอาวาสวัดเขาเหล็ก อ.นบพิตำ  รับหน้าที่เป็นศาสนพิธีกรกล่าวกับแขกที่อยู่ร่วมในพิธีว่า คุณพี่สุทธิพงศ์ เป็นนักบุญที่ทำงานเพื่อสังคมมาตลอดชีวิต เป็นผู้สร้างวัดป่าพุทธเมตตาศรีธรรมราม ตามแนวคิดของนายสนธิยาณ ชื่นฤทัยในธรรม ในตอนแรกชื่อว่า “สถานปฏิบัติธรรมชื่นฤทัยในธรรม” ก่อนยกระดับเป็นที่พักสงฆ์ สำนักสงฆ์และวัดป่าพุทธเมตตาศรีธรรมราม ในปัจจุบัน โดยหวังให้เป็นวัดที่เน้นการประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง  เพื่อจะได้เป็นแรงกระตุ้นให้คนได้เห็นเป็นประจักษ์ ทำให้ลดละเลิกอบายมุขทั้งปวง นำมาสู้ความสงบสุขร่วมเย็นให้เกิดประโยชน์กับชาวพุทธอย่างแท้จจริง  แต่ในทางปฏิบัติไม่ประสบผลสำเร็จมากนักแม้นครศรีธรรมราช จะได้ช่านครแห่งอารยธรรม แต่ผู้คนกลับไหลไปตามกระแสความเปลี่ยนแปลงของสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก

 

             “ในวันนี้พี่สุทธิพงศ์ ได้เสียชีวิตไปแล้ว ทางคุณสนธิญาณ หรือพี่ต้อย พี่ชายบอกว่าจะไม่ยอมเสียของอีกแล้ว จะเริ่มจากการเผาศพพี่พงศ์ ในการใช้ร่างกาย เนื้อหนังมังสา ของพี่พงศ์ให้เกิดประโยชน์โดยการเผาบนเชิงตะกอนกลางแจ้ง ให้ผู้คนได้พิจารณาถึงมรณสติ คือให้พิจารณาถึงความตาย ระลึกถึงความตาย ซึ่งเป็นบริกรรมภาวนาอย่างหนึ่ง ถ้าหากเราไม่ระลึกถึงความตายเป็นอารมณ์ จิตจะเพลิดเพลิน ลุ่มหลง มัวเมา ประมาท  เพราะคนเรารักชีวิต คือความเป็นอยู่ ไม่อยากตาย โดยมากเป็นอย่างนั้นถ้าเรามาพิจารณาถึงเรื่องความตาย เห็นอายุมันสั้นไปไม่ยืดยาวอีกแล้วคราวนี้จะได้รีบเตรียมเนื้อเตรียมตัว จะได้รีบขวนขวายหาสิ่งที่เป็นสาระสร้างคุณงามความดีให้เกิดมีขึ้นในตนทันกับกาลเวลา ซึ่งเรายังมีชีวิตอยู่ เพราะฉะนั้น “มรณสติ” ระลึกถึงความตายจึงเป็นของมีคุณค่ามาก แต่คนทั้งหลาย ถ้าพูดถึงเรื่องความตายแล้วไม่ชอบ กลับกลัวแต่ความดีอยู่ที่ความตาย ถ้าคนเราพิจารณาถึงความตายแล้วทำดีได้ง่ายลองคิดดู บางคนเจ็บไข้ได้ป่วย กลัวตาย รีบไปทำบุญทำทานเสียหรือเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่มีสรณะที่พึ่ง หากระลึกถึงความตายว่าจะตายวันไหนก็ไม่ทราบก็จะรีบภาวนา พิจารณาถึงสังขารร่างกาย เห็นเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มีสักขีพยานประจักษ์ชัดแจ้งด้วยตนเอง จะทำให้เห็นชัดว่าคนเราเกิดมาแล้วต้องตาย และไม่สามารถเอาอะไรไปได้เลย ทุกอย่างที่เป็นธาตุ 4 ดิน น้ำ ไฟลม ต้องคืนกลับให้ธรรมชาติ จะคงเหลือไว้แต่คุณงามความดีที่ได้สร้างสั่งสมไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตหรือลมหมายใจ

            “พี่พงศ์ไปแล้วก็ไปเลยไปสู่สุขคติในสัมปรายภพ ทุกคนเป็นไปตามกรรม และไม่ต้องเป็นห่วงวัด เป็นห่วงสิ่งที่ได้ร่มทำ ร่วมสร้างไว้ในโลกมนุษย์ ทั้งวัดป่าพุทธเมตตาศรีธรรมราม ตึกสงฆ์อาพาธศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เพราะคนที่เขาอยู่ข้างหลังมีใครละทิ้งสิ่งเหล่านั้น ทุกคนจะช่วยกันสร้างช่วยกันสานต่อให้แล้วเสร็จตามความประสงค์อย่างแน่นอน ส่วนวัดป่าพุทธเมตตาศรีธรรมราม อาตมาได้ปรุกษากับพี่ต้อย สนธิญาณ และผู้เกี่ยวข้องแลวว่าต่อจากนี้อาตมาจะรับหน้าที่เข้ามาดูแล พัฒนาสานต่อแนวทางของคุณสนธิยาณ และคุณพี่ต้อย ให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่เกิดประโยชน์ต่อสังคมไย สังคมโลกอย่างแท้จริง”

 

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากการดำเนินการต่าง ๆ เสร็จสิ้นกระบวนการทางศาสนา ได้มีการจุดไฟในเชิงตะกอนจนลุกโชนเผาไหม้หีบหรือโลงศพ ก่อนจะเผาสิ่งที่ห่อห่มร่างกายอันไร้วิญญาณของนายสุทธิพงศ์ เสื้อผ้าและเนื้อหนังมังสาของนายสุทธิพงศ์ ไปอย่างรวดเร็ว โดยนายสนธิญาฯ ชื่นฤทัยในธรรม พี่ชายของนายสุทธิพงศ์ จะยืนอยู่ห่างจากเชิงตะกอนแค่ 2-3 เมตร ท่ามกลางความร้อนแรงของเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ตลอดเวลา เพื่อพิจารณาเปลวไฟที่ลุกโชนแดงฉานเผาไหม้และร่างกายของนายสุทธิพงศ์ ที่ไหม้เกรียมหมดไปเรื่อย ๆ โดยมีพระภิกษุรูปหนึ่งคอยไม้คุ้ยเขี่ยกองไฟปแลศพนายสุทธิพงศ์ เพื่อให้เปลวเพลิงได้ลุกไหม้ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายหรือศพนายสุทธิพงศ์ อย่างเต็มที่ ท่ามกลางายตาของผู้คนนับร้อยที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ

 

            นายสนธิญาณ กล่าวว่า สุทธิพงศ์ หรือพงศ์ น้องชายเป็นคนสนุกสนานร่าเริง มีอัธยาศัยไมตรีกับผู้คนไปทั่ว และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการช่วยเหลือโครงการต่าง ๆ ของตนมาโดยตลอดทั้งการสร้างสำนักปฏิบัติธรรม “ชื่นฤทัยในธรรม” หรือวัดป่าพุทธเมตตาศรีธรรมราม และโครงการอื่น ๆ ล่าสุดโครงการสร้างตึกสงฆ์อาพาธ “ศรีธรรมราชา”ภายในศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ น้องพงศ์ เขาก็เป็นตัวตั้งตัวตีสำคัญ ดังนั้นในงานศพน้องพงศ์ เราจึงประกาศงดรับพวงหรีด สำหรับการร่วมทำบุญขอให้ร่วมกันทำบุญโดยสมทบทุนสร้างตึกสงฆ์อาพาธ “ศรีธรรมราชา” และเงินจากการทำบุญในงานทั้งหมด เจ้าภาพจะนำเข้าสมทบทุนสร้างตึกสงฆ์อาพาธ“ศรีธรรมราชา”โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ ทิ้งสิ้น

            ในวันที่พงศ์ เสียชีวิต ผู้คนต่างแตกตื่นและเล่าลือกันว่าพงศ์ติดเชื่อไวรัสโควิด-19 พราะเสียชีวิตอย่างกะทันหัน แต่ผลการตรวจเช็คอย่างละเอียดไม่พบการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่เสียชีวิตด้วยโรคลมปัจจุบัน และอาจจะมีสาเหตุจากพงศ์ เป็นคนสูบบุหรี่จัดมากวันละ 2 ซอง จึงอยากจะฝากเตือนคนที่สูบบุหรี่จัด ๆ เหมือนพงศ์ให้ระมัดระวังตัวเอง อย่าประมาทกับความตาย เกิดเป็นมนุษย์ความตายมาเยือนได้ทุกเวลา ในช่วงที่มีลมหมายใจ มีชีวิตอยู่จึงต้องรีบเร่งในการทำความดีเพราะเราไม่อาจจะรู่ได้ว่าเราจะตายวันไหน เมื่อไหร่” นายสนธิญาณ กล่าวย้ำ.

 

ภาพ/คลิป/ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช

ยุทธนะ  เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช