ข่าว

"เมลินดา เกตส์" ชี้ "รัฐบาลทรัมป์" รับมือ โควิด-19 ได้ไม่ดี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นักธุรกิจหญิงชาวอเมริกัน ประเมินเกรด "D-" รัฐบาลสหรัฐฯ รับมือไวรัสโรคโควิด-19 ขาดการประสานงานกันในระดับประเทศ

 

               เมื่อวันพฤหัสบดี (7 พ.ค.) เมลินดา เกตส์ (Melinda Gates) นักธุรกิจหญิงชาวอเมริกัน ประเมินเกรด หรือคะแนนด้านการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โรคโควิด-19 (COVID-19) ของรัฐบาลสหรัฐฯ ไว้ที่ระดับ “D-” เนื่องจากขาดการประสานงานกันในระดับประเทศ

อ่านข่าว - สื่อสหรัฐฯ เผยผู้ช่วยส่วนตัว "อิวานกา ทรัมป์" ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19

 

 

 

               “เราต้องการผู้นำระดับประเทศ เราเสียเวลาไปแล้ว 2 เดือนสำหรับการรับมือในระดับประเทศ” เกตส์ ซึ่งเป็นประธานร่วมของมูลนิธิ บิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation) กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับโพลิทิโค (Politico) สื่อสหรัฐฯ

               “สำหรับการรับมือโรคโควิด-19 ระดับประเทศ โชคดีที่ผู้ว่าการรัฐของสหรัฐฯ กำลังยกระดับปฏิบัติการ แต่ตอนนี้เรากลับมีทางแก้ที่แตกต่างกันออกไป 50 แนวทางจากแต่ละรัฐ แทนที่จะเป็นวิธีการรับมือที่เป็นหนึ่งเดียวในระดับชาติ” เกตส์ กล่าว

               “ถ้าเราดำเนินการเหมือนประเทศตัวอย่างที่ทำได้ดี เช่น เยอรมนี เราคงจะตรวจเชื้อเจ้าหน้าที่บริการสุขภาพก่อน จากนั้นคือกลุ่มผู้เสี่ยงติดโรค และสืบหาผู้ที่สัมผัสติดต่อกับผู้ป่วย”

 

 

 

               “และเราคงพิจารณาการเปิดสถานที่ต่างๆ และสังคมอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยวิธีการที่ปลอดภัย แต่การประสานงานของเราด้อยประสิทธิภาพ และนั่นเป็นความจริงที่เกิดขึ้นทั่วสหรัฐฯ”

               “เราควรลงทุนกับการตรวจเชื้อ และการสืบหาผู้ที่ติดต่อกับผู้ป่วยมากกว่านี้ … และในสถานที่ในสหรัฐฯ ที่เราสามารถกักโรคได้” เกตส์ กล่าว

               นอกจากนี้ เกตส์ ระบุว่า ทั่วโลกต้องการ “วัคซีน ยา และการตรวจเชื้อ” มากกว่านี้เพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ในเวทีโลก ซึ่งสหรัฐฯ ไม่ได้ตอบสนองต่อสิ่งเหล่านี้ในระดับระหว่างประเทศเลย

               อนึ่ง มูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ได้สนับสนุนปฏิบัติการต่อสู้โรคโควิด-19 ในทั่วโลก และได้ร่วมงานกับรัฐบาลของประเทศต่างๆ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง อาทิ องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ในด้านการต่อสู้กับโรคนี้มาอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

--------------------

ที่มา : xinhuathai.com

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ