ข่าว

หมอธีระวัฒน์ โพสต์ย้ำเตือน ความรุนแรง เป็นใหม่ แพร่ต่อ ความลึกลับของโควิด-19

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หมอธีระวัฒน์ โพสต์ย้ำเตือน ความรุนแรง เป็นใหม่ แพร่ต่อ ความลึกลับของโควิด-19

 

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha" ระบุว่า ความรุนแรง เป็นใหม่ แพร่ต่อ? : ความลึกลับของโควิด-19

 

อ่านข่าว-อัพเดทสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก วันที่ 27 เมษายน 2563

 


 

 
ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
18/4/63 ปรับปรุง 27/4/63
#สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
ลักษณะของการติดเชื้อเช่นโควิด-19 คิดว่าเปรียบเสมือนเป็นการได้รับวัคซีนตามธรรมชาติ
ทั้งนี้โดยหวังว่าเมื่อประชากรอย่างน้อยครึ่งหนึ่งหรือ 60% ขึ้นไปเมื่อมีการติดเชื้อแล้วจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ และเป็นปราการป้องกันไม่ให้มีการแพร่เชื้อออกไปอีกอย่างมาก แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือการตอบสนองของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน
ทั้งนี้อาจจะขึ้นกับการที่ไวรัส “ชอบ” ที่จะเข้าไปอยู่ที่คอจมูกและระบบทางเดินหายใจส่วนต้น หรือ”รัก”ที่จะเข้าไปอยู่ในปอดลึกๆ และทำให้ไม่มีอาการหรือแทบจะไม่มีอาการเลย ทั้งๆที่มีปอดอักเสบและไม่มีอาการไอด้วยซ้ำ
 
ตำแหน่งที่ไวรัสอยู่จะมีผลในการ
กระตุ้นขั้นตอนของการสร้างภูมิคุ้มกันต่างกัน
กระบวนการหลบหลีก การมองเห็นของระบบภูมิคุ้มกัน ในที่ต่างๆเหล่านี้อาจไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นในส่วนของไวรัสเริ่มมีข้อมูลว่ามีการเข้าไปกวนการสร้างภูมิคุ้มกันของ Tเซลล์ แบบไวรัสเอชไอวีแต่ไม่ได้ทำให้จำนวนเซลล์ต่ำลง
และชนิดของไวรัสเอง ไม่ได้ขึ้นกับ lineage A B รือ C ว่า variant ใดมีผลต่อระบบการต่อสู้ของร่างกาย ผู้ติดเชื้อ ให้เก่งหรือไม่เก่งในส่วนของ antiviral protein แต่เป็นลักษณะในรหัสพันธุกรรม ตามpoint mutation บางตำแหน่ง และ/หรือสัดส่วนบางอย่างของไวรัสที่กระทบระบบการต่สู้ของคนติดเชื้อ และมีส่วนในการกำหนดความรุนแรงของโรค
ขั้นตอนต่างๆเหล่านี้ ส่งผลทั้งการเพิ่มจำนวนและปริมาณของไวรัส ตั้งแต่ระดับ transcription replication รวมทั้งการประกอบร่างตั้งแต่ subgenomic RNA และยังมีผลต่อเนื่องไปถึงการที่ไวรัสไปท้ารบ กับร่างกาย โดยร่างกายสร้างการอักเสบมากเกินพอดี เกิด cytokine storm หรือมรสุมภูมิวิกฤต และยังส่งผลไปลดทอนระบบการละลายการอักเสบ ผ่านทาง AT1-7 และเหนี่ยวนำนิวโตรฟิลในการทำให้ความรุนแรงโรคเพิ่มขึ้น ผ่านกลไก NET neutrophil extracellular trap
 

นอกจากนั้น การที่จะหายจากโรคอย่างสมบูรณ์หมดจด มีกระบวนการขั้นต้นที่เรายังไม่ทราบชัดเจนแต่อาจอนุมานเอาว่าเกิดจากการที่มีภูมิคุ้มกันแอนติบอดีชนิดที่ทำลายไวรัสได้ (neutralizing antibody) แต่ยังคงต้องตระหนักว่าเซลล์ในร่างกายแต่ละชนิดที่มีการติดเชื้ออาจจะมีกระบวนการทำลายไวรัสต่างกันในขั้นต้นและในระยะกลาง ซึ่งต้องอาศัยระบบเซลล์และระบบน้ำเหลืองเข้ามาควบคู่กันและในที่สุดถ้าไม่สามารถทำลายไวรัสได้อย่างหมดจดเนื่องจากต้องทำลายส่วนของร่างกายที่ติดเชื้อไปด้วย ก็จำเป็นที่จะต้องปล่อยให้มีการติดเชื้อต่อโดย การตรวจตราควบคุมไม่ให้ไวรัสกระจายออกมาอีก ซึ่งเป็น long term control โดยใช้ระบบคุ้มกันชนิดเซลล์อย่างเดียวหรือร่วมกับระบบน้ำเหลือง

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ