หนุ่มเจอพลาสเตอร์ในปลากระป๋องยี่ห้อดัง

 

 

                         นายเฉลิมรัตน์  ชุมนุ้ย อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27  หมู่ 13 ต.ควนมะพร้าว อ.เมือง จ.พัทลุง  ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปและร่างทรงตาพรานบุญ ได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช กรณีที่ซื้อปลากระป๋องยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งมารับประทาน แต่กลับพบพลาสเตอร์ยาสำหรับปิดแผลปะปนอยู่ในปลากระป๋อง จึงนำมาโพสต์ในโลกโซเชี่ยล มีผู้เข้าไปติดตามและแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 21 เม.ย. 2563 ที่บ้านพักเลขที่ 104 หมู่ 4 ต.เสาธง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ก่อนเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.พจน์ ยอดพิจิตร พนักงานสอบสวน สภ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ไว้เป็นหลักฐาน เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2563

            ผู้สื่อจึงเดินทางไปพบนายเฉลิมรัตน์ ชุมนุ้ย ผู้เสียหายที่บ้านป้าใน ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เนื่องพบนายเฉลิมรัตน์ พร้อมญติ ๆ อยู่ที่บานและกำลังเตรียมตัวเดินทางไปยังศาลากลางจังหัดนครศรีธรรมราช เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมและสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดนครศรีธรรมราชในวันเดียวกันนี้ โดยนายเฉลิมรัตน์ มีอาการอิดโรย และเครียดอย่างหนัก เพราะหลังเกิดเหตุรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพเพราะเกรงว่าจะติดเชื้อโรคร้ายจากแผ่นพลาสเอตณ์ปิดแผลในปลากระป๋อง ประกอบกับผู้บริหารและพนักงานบริษัทรวมทั้งผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์มาข่มขู่ต่าง ๆ นานา อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลบโพสต์ในเฟซบุ๊กและโพสต์ข้อความขอโทษบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปลากระป๋องยี่ห้อดัง

นายเฉลิมรัตน์ ชุมนุ้ย กล่าวว่า ปกติตนและนายพงศ์พิสุทธิ์ สุขนวล ซึ่งเป็นญาติกันจะอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 4 ต.เสาธง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช  เนื่องจากตนและนายพงศ์พิสุทธิ์ เป็นร่างทรงของตาพรานบุญ ครูหมอโนราห์ตามความเชื่อของาวปักษ์ใต้ โดยเปิดเป็นสำนักทรวง “ตาหลวงคงราชนครศรีธรรมราช”  ผู้คนทั่วไปรู้จักตนในนาม “หมอเมฆ และรู้จักนายพงศ์พิสุทธิ์ ในนามม”หมอบอย”  ในคืนเกิดเหตุเวลา20.00 น. วันที่ 21  เม.ย. 2563 รู้สึกหิวข้าวจึงได้ออกไปซื้อปลากระป๋องยี่ห้อดังซึ่งเป็นอาหารโปรดของตัวเองมานานแล้ว โดยซื้อมา 1 กระป๋องแกะเทใส่ถ้วยบะหมี่สำเร็จรูปกินอย่างเอร็ดอร่อย จนเหลือเนื้อปลา 1 ชิ้นและชิ้นบาง ๆ คล้านหนังปลาอีก 1 ชิ้น  จึงตักหนังปลาใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย แต่รู้สึกมันเหนียวผิดปกติ จึงพูดกับนายพงศ์พิสุทธิ์ หรือ “หมอบอย”ว่า เหนียวจังคงเป็นหนังงูมากกว่าหนังปลา คลายออกมาตรวจสอบ และพบว่าเป็นแผ่นพลาสเตอร์ยาปิดแผล และน่าจะผ่านการใช้มาแล้วเพราะมีสีดำคล้ำ ตนจึงกับ  อ๊วกแตกและอาเจียนหมดไส้หมดพุง จากนั้นจึงกดเบอร์โทรศัพท์ที่ระบุไว้ข้างกระป๋องนับ 10 ครั้งแต่ไม่มีผู้ใดรับสาย จนรุ่งเช้าจึงตัดสินใจนำปลากระป๋องที่เหลือพร้อมแผ่นพลาสเตอร์ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหนังฐานที่ สภ.ร่อนพิบูลย์

 

 

 

 

 

 

 

                             หลังจากนั้นก็มีคนจำนวนมากโทรศัพท์มาหาตนอ้างว่าเป็นผู้บริหาร และพนักงานระดับสูงของบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายปลากระป๋องยี่ห้อดังกล่าว ขอให้ตนลบโพสต์ออกข่มขู่จะแจ้งความเอาผิดทั้งทางอาญาและแพร่ง แต่ตนยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ที่ตนประสบเหตุและเคี้ยวกินด้วยตัวเอง ไม่ได้กุเรื่อง สร้างเรื่องขึ้นมากลั่นแกล้งบริษัทแต่อย่างใด และจะไม่ลบโพสต์จนกว่าทางบริษัทจะออกมาขอโทษตนในฐานะผู้เสียหาย โดยตนจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ หลังจากนั้นหลายชั่วโมงก็มีคนผู้ชายอ้างว่าเป็นตำรวจ เป็นพนักงานสอบสวน สน.นั้น สน.นี่ ขอให้ตนรีบลบโพสต์ออกโดนเร็ว หากไม่ลบจะถูกดำเนินคดีความผิดหลายกระทงและเรียกร้องค่าเสียหายทางแพร่งอีกหลายแสนหรือหลายล้านบาท เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตและจำหน่ายปลากระป๋องยี่ห้อดังกล่าวเขาได้รับความเสียหาย แต่หากลบโพส์ออกทางบริษัทจะไม่เอาเรื่องใด ๆ ในที่สุดตนทนต่อความกดดันจากหลายฝ่ายไม่ไหวจึงตัดสินใจลบโพสต์ในเฟซบุ๊คออก

นายเฉลิมรัตน์ ผู้เสียหายกล่าวต่อไปอีกว่า ต่อมาไม่กี่ชั่วโมงก็มีคนอ้างเป็นผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ และตำรวจ โทรมาข่มขู่ตนอีกว่าให้โพสต์ข้อความขอโทษบริษัท เพราะแม้จะลบโพสต์ไปแล้วแต่มีผู้แคป  หน้าจอโพสต์เก่าไปโพสต์เผยแพร่ในเฟซบุ๊คกลุ่มต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง มีผ็ติดตามนับมื่นนับแสนคน บริษัทได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงขอใหตนโพสต์ขอโทษและให้ระบุว่าที่เข้าใจตอนแรกว่าเป็นพลาสเตอร์เป็นแค่หนังปลาชนิดหนึ่งเท่านั้น แต่ตนไม่ยอมโพสต์ขอโทษเพราะเรื่องจริงมันคือเรื่องจริง แค่ตนยอมลบโพสต์ครั้งแกรกชาวโลกโซเชี่ยลคงเข้ามารุมดุด่าตนเสียหาย ๆ หาย มากพอแล้ว หากตนโพสต์ขอโทษและบอกว่าเป็นหนังปลาตามที่บริษัทต้องการ ตนคงถูกชาวโลกโซเชี่ยลรุมด่าประณามเสียหายไม่เป็นผู้เป็นคนแน่ รวมทั้งมีคนอ้างว่าเป็นตำรวจโทรมาข่มขู่กดดันต่อเนื่อง  ซึ่งเห็นว่าไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้รบตบมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่จึงร้องเรียนขอความเป็นธรรมและขอความชวยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราชดังกล่าว

“เรื่องนี้ตนขอยืนยันยันว่าเป็นเรื่องจริง และไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่ตนจะไปกุเรื่อง สร้างเรื่องกลั่นแกล้งโจมตีบริษัทนี้ ตนไม่ใช่คู่แข่งทางการคา ตนไม่ได้มีสวนได้สวนเสียใด ๆ แต่เพื่อเลี่ยงการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเอาเป็นว่าผมไม่ระบุยี่ห้อปลากระป๋องดังกล่าวก็แล้วกัน และสมสมุติว่าเป็นตรา “สามแม่ควาย” และตนจะไม่โพสต์ขอโทษอย่างแน่นอน และเรียกร้องให้บริษัทเป็นผู้ออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการโพสต์ขอโทษตนในฐานะผู้บริโภค  ผมขอวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งนักกฎหมาย สื่อมวลชน ได้โปรดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตนในการต่อสู้รัยกร้องความเป็นธรรมกับบริษัท “สามแม่ควาย” บริษัทยักษ์ใหญ่นี้ด้วย ซึ่งตนคงไม่มีเงินทองที่จะวิ่งเต้นต่อสู้ แต่จะขอใช้ความจริงและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ต่อสู้เรื่องนี้ด้วยชีวิต  อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังถ่ายภาพทำข่าวปรากฏว่ามีคนที่อ้างว่าผู้พนักวานเจ้หน้าที่ระดับสูงของบริษัทโทรศัพท์มาข่มขู่นายเฉลิมรุตน์ อย่างต่อเนื่องรวมทั้งผู้ที่อ้างว่าร.ต.ท(หญิงxพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน กรุงเทพ ด้วยได้ระบุวาทางพนักงานสอบสวนจะรับคดีในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาไปก่อน ส่วนรายละเอียดและข้อเท็จจริงจะมีหมายเรียกผู้เสียหายมาให้ปากคำอีกครั้งหนึ่ง โดยคนที่โทมาหาตนนั้นตนบนทึกเบอร์และอัดเสี่ยงการพูดคุยไว้ทุกคน

 

 

 

 

 

 

 

 

                        ต่อมานายเฉลิมรัตน์ หรือ “หมอเมฆ และนายพงศ์พิสุทธิ์ หรือ “หมอบอย” พร้อมญาติ ๆ อีกจำนวนหนึ่งเดินทางเข้ายื่นเรื่อวร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช และศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนางพัชร์ธนนันท์ ศรีเมือง ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช  เป็นผู้รับเรื่องและสอบรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะทำหนังสือเชิญบริษัทผู้ผลิตลำหน้าปลากระป๋องยี่ห้อดังกล่าวมาพบกับเจ้าหน้าที่และฝ่ายผู้เสียหาย เพื่อเจรจาหาข้อยุติและดำเนินการตามขั้นตอนและเรียบกฎหมายต่อไป

นายเฉลิมรัตน์ หรือหมอเมฆ กล่าวว่า ตนและญาติ ๆ คงร้องขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนและทนายความเป็นหลัก เพื่อต่อสู้ทำความจริงในเรื่องนี้ให้ปรากฏ เพราะในขณะนี้ตนในฐานะผู้เสียหายโดยตรงกลับตกเป็นจำเลยเพราะถูกบริษัท “สามแม่ควายฟ้อง” ซึ่งต่อไปตนและญาติ ๆ คงมอบหมายให้นายธนาชัย เกตุโรจน์ อดีตกรรมการสภาทนายจังหวัดนครศรีธรรมราช อดีตกรรมการสภาทนายภาค 8 และประธานชมรมทนายความเมืองคอนเพื่อประชาขน มาช่วยเหลือในทางคดีและในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) ไปแจ้งพนักานสอบสวนเปลี่ยนจากแจ้งความเป็นหลักฐานเป็นแจ้งความดำเนินคดีและผู้เกี่ยวข้องเพื่อต่อสู้และพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้จนถึงที่สุด

 

 

 

 

ภาพ/คลิป  ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราข

ยุทธนะ  เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ครศรีธรรมราช