เปิดใจลุงเร่ร่อนวัย 71 ปีถูก 2 คนร้ายเตะชิงเงินช่างมันถือเป็นกรรมเก่า

 

              24 เมษายน 2563 เมื่อเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ได้ควบคุมตัว นายสมพงษ์ หรือ บี พิมพ์สะอาด อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.225/2563 ลงวันที่ 23 เมษายน 2563 และ นายสุรชัย หรือ หนึ่ง เชื้อเชียง อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.226/2563 ลงวันที่ 23 เมษายน 2563 อาชีพเก็บของเก่า ซึ่งเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ นายปรีชา แซ่กี่ ชายเร่ร่อนย่านนางเลิ้ง อายุ 71 ปี เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

อ่านข่าว - ชาวบ้านแห่จับจ่ายซื้อของรับรอมฎอนเมินโควิด-19 แออัดไม่เว้นระยะห่าง (มีคลิป)

 

              ทั้งนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ที่บริเวณใต้สะพานโรงกรองน้ำ ริมคลองสามเสน ถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ โดยหลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ก้มลงกราบขอโทษลุงปรีชา โดยบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ และเพิ่งทำเป็นครั้งแรก เพราะแค่อยากได้เงินไปซ่อมรถ

              อย่างไรก็ตาม หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว พนักงานสอบสวนได้นำผู้ต้องหาไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหา ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป

              ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะอโหสิกรรมให้กับคนร้ายไหม นายปรีชา เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว ช่างมัน ถือเป็นกรรมเก่าของตัวเอง หรืออาจจะเพราะชาติก่อนตนเองอาจจะเคยทำร้ายเขาไว้ โดยยอมรับว่ายังรู้สึกหวาดกลัวว่าจะเกิดเหตุซ้ำอีก แต่ชีวิตไม่มีทางเลือกมากนัก ต้องอยู่ให้ได้ โดยอยากมีห้องเช่าเล็กๆ ที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ โดยไม่อยากไปอยู่ที่หน่วยงานรัฐ เพราะอยากอยู่แบบอิสระ ส่วนเงินที่คนร้ายชิงเอาไปนั้น ได้เก็บสะสมวันละนิดละหน่อยมานานหลายปีแล้ว กว่าจะได้เงินเยอะขนาดนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

              ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกรมกิจการผู้สูงอายุ ได้เข้ามาพูดคุยกับนายปรีชา ที่ริมถนนนครสวรรค์ แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เพื่อรับไปดูแลคุ้มครองตามสิทธิ์พระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ. 2557 โดยเบื้องต้นจะนำนายปรีชาไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลกลาง เพื่อดูอาการบาดเจ็บ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จะดูเรื่องสิทธิ์และประสานดำเนินการเอกสารต่างๆ รวมถึงจะประสานติดตามหาลูกสาวตามสิทธิ์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง โดยนายปรีชาแจ้งว่ามีลูกสาวอยู่ที่โคราช ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ซึ่งทาง พม. จะประสานตรวจสอบกับทางพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้ เมื่อรับเข้ามาดูแลที่บ้านมิตรไมตรีแล้ว ก็จะให้กรมกิจการผู้สูงอายุเข้ามาดูแลรับช่วงต่อ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

              ที่ผ่านมา นายปรีชาอาศัยอยู่บริเวณนี้มากว่า 10 ปี โดย ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ที่อยู่ใกล้เคียงได้พยายามติดต่อหน่วยงานให้เข้ามาดูแล แต่นายปรีชาก็ไม่ยอม กระทั่งถูกทำร้ายร่างกายชิงเอาเงินไป นายปรีชาเลยยินยอมให้เจ้าหน้าที่รับไปเพื่อช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย