วอนช่วยเหลือ ยายวัย 85 พร้อมหลานๆ 6 ชีวิตอาศัยข้าวก้นบาตรกิน พระออกบิณฑบาตรไม่ได้อดมื้อกินมื้อ

(20 เม.ย.2563) ผู้สื่อข่าวายงานว่าเมื่อเย็นวานนี้ (19 เม.ย.2563) ได้มีนางอุทัย วรธนาคม ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในซอยศรีธรรมโศก 19  ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โทรศัพท์ร้องเรียนศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช เพื่อขอความช่วยเหลือครอบครัวของคุณยายวัยชรา ที่ปลูกเพิงพักอาศัยอยู่ในที่ดินราชพัสดุกลางซอยศรีธรรมโศก 19  ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช อาศัยอยู่กับหลาน ๆ และเหลน ๆ อีก 6 คน รวมสมาชิกในครอบครัว 7 คนอย่างยากไร้แร้นแค้น เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน โดยหลานชายคนโตที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงจะออกไปเป็นเด็กวัดออกช่วยพระภิกษุวัดหน้าพระบรมธาตุ บิณฑบาตทุกวัน และหลังพระภิกษุฉันภัตตาหารเสร็จ หลานชายคนโตจะนำอาหารและข้าวที่เหลือก้นบาตรมาให้คุณยาย พร้อมสมาชิกในครอบครัวได้กินกัน เป็นประจำ แต่มาในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอยู่ในมาตรการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แม้พระภิกษุไม่สามารถออกบิณฑบาตตามปกติได้ ส่งผลให้ 7 ชีวิต ครอบครัวของคุณยาย ได้รับผลกระทบอย่างหนักจนแทบไม่มีข้าวหรืออาหารรับประทาน

หลังรับแจ้งนายยุทธนา แต่งวงศ์ นายกสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วย รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.เขต 1 จ.นครศรีธรรมราช เดินทางลงไปตรวจสอบและเยี่ยมครอบครัวของคุณยาย และพบกระท่อมหรือเพิกพังเลขที่ 72/2 ซอยศรีธรรมโศก 19  ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สภาพเก่า ๆ พอคุ้มแดดคุ้มฝน เพราะกระท่อมชำรุดทรุดโทรมอย่างหนัก ภายในบ้านพบกับนางเขียน ดำแดง หรือ “ยายเขียน” อายุ 85 ปี อยู่ในบ้านพร้อมหลาน ๆ และเหลน ๆ 4-5 คน และเมื่อทราบว่ามีสื่อมวลชนหรือนักข่าวและ ส.ส.เขต 1 จ.นครศรีธรรมราช มาเยี่ยม คุณยายเขียน  ซึ่งแก่ชราจนเดินแทบไม่ไหว สายตาพร่ามัวมองเห็นไม่ชัด ได้พยายามจะคลานออกมาจากในเพิกพักอย่างงก ๆ เงิ่น ๆ  เพื่อต้อนรับด้วยความดีใจ โดยมีนางอุทัย เพื่อนบ้านได้เข้าไปช่วยประคองนั่งบริเวณประตูทางเขาเพิกพัก

            คุณยายเขียน ดำแดง เปิดเผยว่า ในอดีตตนมีสามีและลูก ๆ ปลูกบ้านหรือกระท่อมอาศัยอยู่ในจุดดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุมานานแล้ว จนสามีเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ลูก ๆ ก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัวและต่างก็มีฐานะยากจนเมื่อมีลูกก็นำมาฝากให้ตนเลี้ยงในปัจจุบันจึงมีหลาน  ๆ และเหลน ๆ มาอาศัยอยู่กับตนถึง 6 คนโดยหลาน 3 คนอายุ 14-16 ปี และคนโตอายุประมาณ 19 ปีส่วนใหญ่หลาน ๆ ไม่ได้เรียนหนังสือ ส่วนเหลน 3 คนอายุ 8-10 ขวบเรียนอยู่ชั้น ป.2-ป.3 เมื่อหลายปีก่อนตนมีอาชีพทำขนมขายตามบ้านหรือย่านชุมชนพอจะมีรายได้เลี้ยงครอบครัวไม่ขัดสนมากนัก แต่ในช่วงหลัง ๆ อายุมากขึ้นสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงเดินไม่ค่อยไหว ตาพร่ามัวมองไม่ค่อยเห็น จึงไม่สามารถทำขนมไปขายได้  ในขณะที่กระท่อมที่พักก็พังชำรุดโทรมจนหลาน ๆ และเพื่อนบ้านได้ช่วยกันซ่อมแซมเพียงเพื่อให้พอกันแดดกันฝนและสามารถซุกหัวนอนกันได้เท่านั้น  ในแต่ละวันหลาน ๆ จะช่วยกันออกไปหารายได้โดยการรับจ้างขายดอกไม้ ธูปเทียนแก่นักท่องเที่ยวที่ดินทางมากราบไหว้พระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร มีรายได้คนละเล็กคนละน้อยพอได้ซื้อข้าวสาร ไข่ไก่ หรือปลากระป๋องมากินกันในครอบครัว

มีพระมาบิณฑบาตทุกวัน เมื่อพระภิกษุฉันภัตตาหารเสร็จก็จะนำข้าวและอาหารที่เหลือก้นบาตรมาให้สมาชิกในครอบครัวได้กินกัน  แต่ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดพระภิกษุก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันไวรัสโควิด-19 ไม่สามารถออกบิณฑบาตได้ตามปกติ หลานชายคนโตจึงไม่มีข้าวและอาหารก้นบาตรมาให้ทำให้ครอบครัวได้รับผลกระทบอย่างหนัก ในขณะนี้ข้าวสารก็หมด  เพื่อนบ้านข้างเคียงก็ช่วยเหลือจุนเจือบ้างตามอัตภาพ  จนนางอุทัย เพื่อนบ้านที่ทราบว่าศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช เคยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากมาแล้วหลายราย  นางอุทัย จึงโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.ดังกล่าว

            โดยในเบื้องต้น รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ได้มอบข้าวกล่อง ข้าวสาร อาหารแห้ง ประกอบด้วย ไข่ไก่ น้ำตาลน้ำแว่น น้ำมันพืช น้ำปลา ให้กับคุณยายเขียน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนไประยะหนึ่ง ก่อนจะประสานหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง รวมทั้งการปรับปรุงซ่อมแซมกระท่อมเพิกพัก และหาอาชีพให้หลาน ๆ ทำเพื่อให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัวอย่างถาวรต่อไป.

"หากท่านผู้ใจบุญอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมหรืออยากช่วยเหลือ ติดต่อ ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. โทร.0816761299" 

ยุทธนะ  เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช