ข่าว

1 สัปดาห์อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ 30% รายได้ลดลง 12.9% ไม่มีรายได้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รายงานผลการสำรวจการปฏิบัติตามมาตรการ "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" สัปดาห์ที่ 1 (วันที่ 2 - 8 เมษายน 2563)

 

              13 เมษายน 2563  กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงานผลการสำรวจรายสัปดาห์ การปฏิบัติตามมาตรการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โรคโควิด-19 (COVID-19) สัปดาห์ที่ 1 (วันที่ 2 - 8 เมษายน 2563)

อ่านข่าว - ภาคเอกชนเตรียมเสนอเปิดห้างฯ - ร้านเสริมสวย

 

 

 

              โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 47,144 คน แบ่งเป็น เพศหญิง 70.9% เพศชาย 29.1% อายุเฉลี่ย 42.4 ปี 89.5% การศึกษา ป.ตรี ขึ้นไป อาชีพ ราชการ รัฐวิสาหกิจ พนักงานของรัฐ 44.6% พนักงานลูกจ้างเอกชน 24.7% ธุรกิจส่วนตัว ค้าขาย อาชีพอิสระ 16.1%

              พบว่า 91.8% เข้าใจดีว่าควรทำตามมาตรการอย่างไร ขณะที่พบว่ายังมีผู้ออกจากบ้านถึง 47.1% โดยที่มีผู้อยู่บ้าน (ไม่มีคนมาหา) 41.8% และ 11.1% อยู่บ้าน แต่มีคนมาหา

              สำหรับสาเหตุที่ต้องออกนอกบ้าน 94.2% บอกว่า จำเป็นต้องไป ทำงาน หาหมอ ซื้ออาหาร - ของใช้ รวมถึงทำธุรกรรมต่างๆ และ 9.4% ใช้ขนส่งสาธารณะ โดยมีอัตราพบเจอผู้คนในระยะห่างน้อยกว่า 2 เมตร เฉลี่ยวันละ 9 คน

              ทั้งนี้ แนวทางการป้องกันตัวเมื่อต้องพบเจอกับผู้อื่นทั้งในและนอกบ้าน พบว่า ผู้ที่สามารถล้างมือหรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง 85.2% ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้ง 76.7% รักษาระยะห่าง 1 - 2 เมตร เมื่อพบผู้อื่นทุกครั้ง 62.7% และระวังไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก ทุกครั้ง 59.8%

 

 

 

              เมื่อถามถึงการเดินทางไปสถานที่เสี่ยงติดโรคโควิด-19 ในรอบ 14 วันที่ผ่านมา มีผู้ที่เดินทางไปจุดเสี่ยง 30.1% และ 88.2% คิดว่าหากตนเองเสี่ยงจะกักตัว 14 วัน และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนในบ้าน

              นอกจากนี้ ข้อมูลที่น่าสนใจช่วงที่รัฐมีมาตรการต่างๆ ออกมา 30% มีรายได้ลดลง และ 12.9% ไม่มีรายได้เลย และหากต้องขยายมาตรการต่างๆ ออกไปอีกหลังวันที่ 30 เมษายน 2563 พบว่ามี 24.0% ตอบว่า ปฏิบัติตามได้น้อยกว่า 2 สัปดาห์ และ 9.5% ตอบว่า ไม่สามารถปฏิบัติตามได้

 

 

 

1 สัปดาห์อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ 30% รายได้ลดลง 12.9% ไม่มีรายได้

 

 

 

--------------------

ที่มา : ihppthaigov.net

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ