ข่าว

บทเรียนสุรยุทธ์กับวาสนา

บทเรียนสุรยุทธ์กับวาสนา

23 ธ.ค. 2552

ฟังคำแถลงของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ออกมาตำหนิติเตียน คุณวาสนา นาน่วม ว่าด้วยคำสัมภาษณ์ และคำตอบของคุณวาสนาทำให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีบทเรียนที่ควรแก่การประเมินและนำไปแก้ไขในอนาคต

  คุณสุรยุทธ์ บอกว่า "วาสนาได้ถามถึงว่า ถ้าหากคุณทักษิณจะโทรมาพูดกับผมจะพูดไหม ก็ด้วยเจตนาที่เปิดเผยไม่มีอะไร ผมก็ได้พูดว่าผมก็ไปพูดกับคุณทักษิณมาหลายครั้งแล้วทางโทรศัพท์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะทำหน้าที่เจรจาหรือว่าเป็นผู้ที่เป็นตัวกลางในการเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น"

 "การที่สื่อได้นำสิ่งที่ผมพูดคุยแล้วก็ไปออกอากาศในลักษณะที่กระทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีงาม โดยเฉพาะคุณวาสนา นาน่วม ผมเองเป็นประธานในพิธีแต่งงาน เพราะฉะนั้นผมก็มีความไว้วางใจ แต่ในครั้งนี้ก็ทำให้ผมเห็นแล้วว่าผมจะต้องระมัดระวัง เพราะว่าคุณวาสนา นาน่วม ไม่ใช่คุณวาสนาคนเดิมอีกแล้ว"

 และในวันเดียวกันคุณวาสนาก็ได้ให้สัมภาษณ์คุณสรยุทธทางช่อง 3 อย่างนี้

 คุณวาสนา บอกว่า "ใช่ๆ ท่านก็ถูกต้อง เพราะวาสนาก็ยอมรับ เพราะวาสนาไม่เคยพูดว่าเป็นคนกลาง แต่เพียงแต่ว่าในหนังสือพิมพ์วันรุ่งขึ้นที่สัมภาษณ์พล.อ.สุเมธ มามันเหมือนกับว่าเป็นคนกลางตัวกลาง ทำให้เกิดพูดว่าเอ๊ะ! พล.อ.สุรยุทธ์ จะไปเจรจาในฐานะอะไร คือมันเริ่มเกิดคำถามว่าอยู่ดีๆ ไปเสนอตัวทำไม อะไรตรงนี้มากกว่า"

 คุณสรยุทธ สุทัศนจินดา พิธีกรรายการช่อง 3 กล่าวเสริมว่า "จากนั้นก็เลยมีคุณทักษิณ ทวิตเข้ามา มีคุณนพดล พูดในนามคุณทักษิณยื่นเงื่อนไข 3 ข้อ รัฐบาลออกมา นี่ไปกันใหญ่เลยหลังจากนั้น"

 คุณวาสนา บอกว่า "ใช่ไปกันใหญ่ จนมีคนถามว่า บางคนสงสัยว่าเราไปรับแผนทักษิณมาหรือเปล่าหรือว่าอะไร เรายังบอกว่าถ้าสมมติเรารับแผน ทักษิณกระโดดงับหรือว่าอะไรแล้ว เพราะว่าคุณทักษิณกลับมาประชดประชัน พล.อ.สุรยุทธ์ และก็มายื่นเงื่อนไขฝากคนมายื่นเงื่อนไขมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดการเจรจาอยู่แล้ว"

 "เพราะถ้ารู้ว่าคุณทักษิณคุณทักษิณจะต้องเหมือนกับว่าอ่อนน้อมยอมโอเค เซย์เยส หมดเลย แต่นี่โหออกมาแสดงท่าทีเหมือนกับแข็งกร้าว เหมือนกับว่าไม่มีทางที่จะเจรจา มันเลยจุด เพราะในทวิตเตอร์เขาบอกว่ามันเหมือนกับเลยจุดการเจรจามาแล้ว"

 คุณสรยุทธ "คือพอตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นมาถูกไหม มันก็ไปกันใหญ่แล้วเรื่องคนกลางอะไรกันใหญ่ วาสนาตอนนั้นประเมินไหมหรือว่าคิดไหมว่ามันไม่ใช่ทางนี้นะมันไปกันใหญ่แล้ว"

 คุณวาสนา กล่าวว่า "ไม่ วาสนาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมาเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ เพราะว่าเมื่อวันจันทร์ คือถ้าสมมติท่านไม่พอใจเราตั้งแต่วันที่เราจัดรายการวันอาทิตย์ หรืออย่างน้อยก็คือเมื่อวานวันจันทร์ท่านก็ควรจะแถลงข่าวไปแล้วก็คงต้องชี้แจงไปแล้ว"

 "แต่เพิ่งจะมาวันนี้ มันก็เลยเอ๊ะ ท่านไม่รู้ว่าอาจจะโดนกดดันอย่างแรงหรือเปล่าหรือว่าอะไรจนต้องออกมาเป็นแบบนี้ และที่สำคัญคือเราไม่ได้ไปบิดเบือนเลยว่าท่านเสนอตัวเป็นตัวกลางหรืออะไร เพราะว่าในรายการเรายืนยันชัดเจนแค่มองว่าท่านพร้อมๆ ที่จะพูดคุยเท่านั้นเอง (ก็คือพูดโทรศัพท์แต่ไม่ใช่เรื่องการเจรจา) ใช่ มันเป็นการพูด วาสนายังถามเลยว่าถ้าคุยจะถามเรื่องอะไร ท่านบอกว่าก็ยังไม่รู้เลยแต่อาจจะถามว่าทำยังไงกันดีอะไรอย่างนี้มากกว่า ท่านยังพูดในลักษณะอย่างนี้เลย"

 คุณสรยุทธ กล่าวว่า "สุดท้ายเวลามีเหลือนิดเดียว คุณวาสนาถ้าจะมีโอกาสพูดกับพล.อ.สุรยุทธ์สั้นๆ ตรงนี้ ก็ในฐานะผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ"

 คุณวาสนา ตอบว่า "จริงๆ วาสนาออกมาไม่ได้เป็นการตอบโต้หรืออะไร เพราะว่าวาสนาไม่ได้โกรธ พล.อ.สุรยุทธ์ นะคะ แต่ว่าก็คือเป็นการเห็นใจท่าน ท่านอาจจะโดนกดดันแต่ว่าอาจจะไม่มีทางออกอื่น วาสนาก็ถ้าท่านมีความทุกข์แล้วความทุกข์นั้นแบ่งเบาให้วาสนาได้วาสนาก็พร้อมที่จะรับไว้ แต่ยืนยันว่าวาสนาไม่ได้บิดเบือนหรือไม่ได้อะไรเสนอข่าวตามจรรยาบรรณทุกประการ"

 ฟังทั้งสองท่านแล้วก็เข้าใจได้ว่า ต่างฝ่ายต่างพูดตามแง่มุมของตัวเอง ซึ่งก็ถูกทั้งคู่ แต่ก็แปลว่า พล.อ.สุรยุทธ์ นั้นในการให้สัมภาษณ์ต่อไปจะต้องระมัดระวังและจะต้องให้แน่ใจว่า ประโยคที่พูดออกมาไม่มีความเข้าใจผิดไปจากที่ท่านต้องการ

 นั่นก็คือว่า พร้อมจะพูดกับคุณทักษิณแต่ไม่ใช่คนกลาง และไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเป็นคนเจรจาหรือเป็นคนประสานให้รัฐบาลแต่ประการใด

 ขณะเดียวกันคุณวาสนา ในฐานะนักข่าวอยู่ในวิชาชีพนี้มาช้านาน ก็คงจะเห็นแล้วว่า ถ้าหากการสัมภาษณ์และนำเสนอ ไม่กำหนดประเด็นให้ชัดเจนทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ก็จะนำไปสู่การที่ผู้สื่อข่าวสามารถถูกแหล่งข่าวมองว่าจงใจจะบิดเบือน

 ซึ่งแน่นอนไม่ใช่เจตนาของคุณวาสนา เพราะว่าฟังเทปที่สัมภาษณ์ พล.อ.สุรยุทธ์ และความคิดเห็นของคุณวาสนา ในรายการ ลับ ลวง พราง วันเสาร์ที่ผ่านมา ไม่มีอาการของนักข่าวที่จะพยายามบิดเบือน

 แต่ในรายการเดียวกันต่อมามีการสัมภาษณ์ พล.อ.สุเมธ แห่งพรรคเพื่อไทย และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับคุณทักษิณ ทำให้เกิดคำว่าคนกลางขึ้นมา จนกลายเป็นพาดหัวในหนังสือพิมพ์บางฉบับวันรุ่งขึ้น ความเข้าใจผิดความสับสนจึงเกิดขึ้น

 ทำให้ทั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ และคุณวาสนาต่างคนต่างยืนยันได้ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่ได้เสนอตัวที่จะเจรจากับคุณทักษิณ  แต่ประการใด แต่ที่กลายเป็นประเด็นในการเขียนข่าวในสื่ออื่นๆ วันรุ่งขึ้นกับทำให้เกิดประเด็นที่แตกปลายออกไปโดยที่ทั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ และคุณวาสนาไม่ได้ตั้งใจให้เป็น

 บทเรียนคราวนี้จึงสำคัญว่าทั้งแหล่งข่าวและนักข่าวจะต้องกุมประเด็นให้ชัดเจนและรายงานตรงกับประเด็นอย่างรอบด้าน ตรงไปตรงมา

 

สุทธิชัย  หยุ่น