ร้องปวีณาช่วยลูกสาว4ขวบถูกล่วงละเมิดทางเพศ
พ่อ-แม่ ร้อง "ปวีณา" ลูกสาว 4 ขวบ กับ 6 ขวบ ในอยุธยา- ปทุมธานี ถูกคนร้ายบุกบ้านกลางวันแสกๆ ล่วงละเมิดทางเพศ ตร.รวบได้ 1 อีกรายยังลอยนวล ย้ำเตือนภัยขณะที่ทุกคนฝ้าระวังโควิด-19 อย่าเผลอปล่อยลูกหลานอยู่ลำพัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ขณะที่ทุกคนเฝ้าระวังกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังมีเรื่องที่น่าห่วงและถือเป็นภัยสังคมอย่างร้ายแรงที่ต้องเฝ้าระวังอย่างยิ่งอีกเรื่องหนึ่ง หลังพบคนร้ายอุกอาจบุกเข้าไปในบ้านของเด็กหญิง 2 รายในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา และจ.ปทุมธานี ก่อนลงมือล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิง 4 ขวบ กับ 6 ขวบ
ขณะที่พ่อแม่ไม่อยู่ก่อนจะหลบหนี ซึ่งกรณีด.ญ.วัย 4 ขวบ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้ในที่เกิดเหตุ ส่วนกรณีของด.ญ.อายุ 6 ขวบ คนร้ายยังหลบหนี ซึ่งคนร้ายทั้ง 2 ราย คาดว่าเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาหลายครั้งจึงย่ามใจไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผล โดยถือเป็นภัยอันตรายยิ่ง จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนพลเมืองดีหากพบเบาะแสของคนร้ายที่มีพฤติกรรมดังกล่าวช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือแจ้งมายังมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับกุมตัวเพราะเกรงว่าจะไปกระทำกับเด็กคนอื่นๆ อีก
สำหรับกรณีด.ญ.วัย 4 ขวบ วันที่ 28 มีนาคม นายเอก (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ชาวจ.พระนครศรีอยุธยา ร้องทุกข์มายังมูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่าเย็นวันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะที่นางแวว (นามสมมุติ) อายุ 23 ปี กับด.ญ.เอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 4 ขวบ ซึ่งเป็นภรรยาและลูกสาวนั่งเล่นอยู่หลังบ้าน ต่อมามีรถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าบ้านและมีคนร้ายเป็นชายมาเรียกบอกว่ามีจดหมายมาส่ง ภรรยาตนจึงให้ลูกสาววิ่งไปรับ ซึ่งปกติลูกสาวเคยวิ่งไปรับจดหมายแป๊บเดียวก็วิ่งกลับมา แต่ครั้งนี้หายไปนานประมาณ 5 นาที ภรรยาตนเห็นผิดสังเกตจึงเดินเข้าไปในบ้านพบชายคนร้ายอยู่ในลักษณะที่ถอดกางเกงออกกำลังคร่อมอยู่บนร่างของลูกสาว ด้วยความตกใจสุดขีดภรรยาจึงรีบเข้าไปดึงตัวชายดังกล่าวออกจากตัวลูกพร้อมกับร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นจังหวะที่ตนกลับบ้านมาพอดี จึงรีบเข้าไปจับกุมตัวคนร้ายไว้ก่อนจะแจ้งตำรวจมารับตัวไปดำเนินคดีที่สภ.พระนครศรีอยุธยา
จากนั้นญาติคนร้ายได้มีการติดต่อเข้ามาที่ตนว่าจะเรียกเงินเท่าไหร่ก็ได้ แต่ขออย่าดำเนินคดีกันได้หรือไม่ ซึ่งตนกับภรรยาไม่ยอม ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะคนร้ายมีพฤติกรรมที่อุกอาจเป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่ง ซึ่งอาจจะไปก่อเหตุกับเด็กคนอื่นๆ อีกก็ได้ นอกจากนี้ยังเกรงว่าคนร้ายจะมีการประกันตัวออกไปแล้วหลบหนีจึงขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดีให้ความเป็นธรรมด้วย ขณะเดียวกันลูกสาวตนตกใจมาก ร้องไห้ตลอดเวลา และยังอยู่ในอาการหวาดผวา นอนหลับก็ยังสะดุ้งตื่นมาร้องกรี๊ดด้วยอาการหวาดกลัว ตนสงสารลูกมากที่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ไม่รู้ว่าอาการจะดีขึ้นเมื่อไหร่
หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา สอบถามเรื่องคดีดังกล่าว ก่อนที่ พ.ต.อ.ประเวศ แจ้งว่า ได้ดำเนินคดีกับนายแมน (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ชาวจ.อ่างทอง คนร้ายที่ก่อเหตุ ในข้อหา บุกรุกเคหสถาน และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและส่งตัวเข้าเรือนจำพระนครศรีอยุธยาไปแล้ว พร้อมกันนี้นางปวีณายังได้ขอให้ทางพนักงานสอบสวนส่งด.ญ.เอ๋ ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและสอบสหวิชาชีพเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดกับผู้ต้องหาตามขั้นตอนกฎหมาย
นอกจากนี้นางปวีณา ยังได้ประสาน น.ส.อรพญา พลอยทับทิม หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ช่วยลงพื้นที่เยี่ยมบ้านของด.ญ.4 ขวบ พร้อมให้เจ้าหน้าที่นักสังคมวงเคราะห์ และนักจิตวิทยาฟื้นฟูสภาพจิตใจ ซึ่งทางมูลนิธิปวีณาจะติดตามการช่วยเหลือต่อไป
ขณะเดียวกันนางปวีณา คิดขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ประมาณเดือนเศษก็มีด.ญ.คนหนึ่งอายุ 6 ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่ในอ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ถูกคนร้ายเข้ามาในบ้านกระทำชำเรา ลักษณะเดียวกับด.ญ.เอ๋ แต่คนร้ายหลบหนีไปได้ โดยพ่อแม่แจ้งความไว้ที่สภ.ลาดหลุมแก้ว และร้องทุกข์ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดีให้ด้วย นางปวีณา จึงได้ประสาน พ.ต.อ.ปัจพล รอดโพธิ์ทอง ผกก.สภ.ลาดหลุมแก้ว เพื่อขอให้พนักงานสอบสวนพาพ่อแม่และด.ญ.ผู้เสียหายไปชี้ตัวคนร้ายในเรือนจำ ที่คาดว่าอาจจะเป็นคนเดียวกันกับที่ก่อเหตุ โดยนางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ขออนุญาตให้พนักงานสอบสวนพาผู้เสียหายไปดูตัวคนร้ายว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ เนื่องจากเกรงว่าหากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวในวันจันทร์แล้ว หากเป็นคนร้ายรายเดียวกันจะไม่ทันการณ์ ซึ่งพ.ต.อ.ณรัชต์ ได้อนุญาติเป็นกรณีพิเศษ
ต่อมาเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มีนาคม นางปวีณาได้มอบหมายเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ เดินทางไปพร้อมกับผู้เสียหายและพนักงานสอบสวนสภ.ลาดหลุมแก้ว ที่เรือนจำพระนครศรีอยุธยา เพื่อทำการดูตัวคนร้ายว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ปรากฏว่าเมื่อเด็กเห็นหน้าผู้ต้องหาก็ยืนยันว่าไม่ใช่คนที่ก่อเหตุ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ชัดเจนและน่ากลัวว่าคนร้ายที่กระทำกับด.ญ.6 ขวบรายนี้ยังลอยนวลอยู่ และเกรงว่าคนร้ายอาจตะไปทำกับเด็กคนอื่นๆ อีกจึงต้องเตือนภัยกันให้ทราบ
สำหรับพฤติกรรมของคนร้ายที่ก่อเหตุกับด.ญ.6 ขวบ รายนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นายโต และนางเล็ก (ทั้งสองนามสมมุติ) พาด.ญ.เมย์ (นามสมมุติ) อายุ 6 ขวบ เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณาโดยแจ้งว่า วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ขณะที่ลูกสาว 6 ขวบ กับลูกชาย 10 ขวบ อยู่ในบ้านกัน 2 คน เพราะพ่อแม่ออกไปทำงานข้างนอก จู่ๆ ก็มีชายแปลกหน้าเข้าไปในบ้านถามว่าพ่ออยู่ไหม ลูกชายก็ตอบว่าพ่อไม่อยู่ จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ยื่นเงินให้ 30 บาท แล้วบอกให้ลูกชายไปซื้อขนมกิน ตอนแรกลูกชายจะพาน้องไปด้วยแต่เขาบอกไม่ต้องพาไป ด้วยความกลัวลูกชายจึงเดินออกมานอกห้องแล้วก็แอบดูพบว่าชายคนนั้นได้จับน้องสาวถอดกางเกงบนที่นอน ก่อนจะล่วงละเมิดทางเพศและข่มขู่ไม่ให้ร้องส่งเสียงดัง จากนั้นชายดังกล่าวก็เดินออกจากบ้านแล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตอนเย็นหลังเลิกงานกลับมาบ้านลูกเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังจึงพาเข้าแจ้งความที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว หลังตำรวจรับเรื่องได้ส่งตัวด.ญ.เมย์ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
นายโต บอกอีกว่า ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีดังกล่าว ต่อมาวันที่ 21 กุมภา.พ.63 ชายคนดังกล่าวได้กลับมาอีกครั้งและได้เดินขึ้นไปบนบ้านแต่ไม่เจอลูกๆ ตน พอดีมีเพื่อนบ้านเห็นจึงได้สอบถามว่ามาทำอะไร ชายคนดังกล่าวอ้างว่าจะมาหาผู้รับเหมา เพื่อนบ้านจึงบอกว่าที่นี่ไม่มีผู้รับเหมา หลังได้ยินคำตอบชายคนนั้นก็รีบขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทันที แต่เพื่อนบ้านได้จดยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนรถได้จึงนำข้อมูลเพิ่มเติมไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเข้ามาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อให้ช่วยติดตามคดีและเร่งจับกุมตัวคนร้ายเนื่องจากเกรงว่าครอบครัวจะไม่ปลอดภัย
จากนั้นนางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.ปัจพล ผกก.สภ.ลาดหลุมแก้ว ให้ช่วยติดตามคดีโดยตรวจสอบกล้องวงจรปิด สอบปากคำพยาน และสิบสหวิชาขีพเด็ก ซึ่งจากการตรวจสอบทะเบียนรถที่คนร้ายขับขี่มานั้น เป็นชื่อและทะเบียนปลอม
ทั้งนี้นางปวีณาขอเตือนภัยพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่าปล่อยลูกหลานให้อยู่ลำพัง และหากประชาชนพลเมืองดีพบเบาะแสของคนร้ายที่มีพฤติกรรมดังกล่าวช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี โทร 02 599 1288, 02 599 1298 หรือแจ้งมายังมูลนิธิปวีณาฯ โทร 081 814 0244, 098 478 8991, 062 560 1636 เพื่อช่วยกันขจัดภัยสังคมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับกุมตัวดำเนินคดีโดยเร็ว