ข่าว

ทักษิณไฟเขียวเสื้อแดงปิดล้อมสื่อไม่เป็นกลาง

ทักษิณไฟเขียวเสื้อแดงปิดล้อมสื่อไม่เป็นกลาง

23 ธ.ค. 2552

กลุ่มคนเสื้อแดงรับบัญชาวางแผนชุมนุมใหญ่หลังปีใหม่ ล้อมสำนักสื่อไม่เป็นธรรม "เฉลิม" กร้าวเดินหน้าท้าชน "อภิชาต" หากตัดสินคดี 258 ล้านไม่ผิด อัดไม่คำนึงถึงหลักกฎหมาย พร้อมเปิดตัวพยาน พร้อมยื่นถอดถอน อัดอธิบดีดีเอสไอบอกไม่เกี่ยวสำนวน

(23ธ.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในเว็บไซต์ Thaksinlive  ถึงการทำงานของสื่อมวลชนว่า "หมดความเป็นกลางไปเยอะ ทีวีทุกช่องได้รับการซื้อสื่อจากรัฐวิสหกิจโดยนโยบายรัฐบาล ลองคิดดูไฟฟ้าฝ่ายผลิตต้องไปโฆษณาในละคร ถามว่ามีอะไรไปโฆษณา ยามที่บ้านเมืองขัดสน มันต้องใช้เงินประหยัดและเกิดผลจริงๆ พี่น้องครับสื่อมวลชนวันนี้ ผมอยากเรียกร้องจิตวิญญาณของนักข่าวนักสื่อมวลชน ที่เป็นสื่อมวลชนจริงๆ

 ว่าวันนี้ท่านต้องเอาบ้านเอาเมือง วันนี้สังคมที่มันไม่มีความเป็นกลาง ไม่มีความตรงไปตรงมาเราจะอยู่กันอย่างไร ผมอยากวิงวอนขอร้องว่าขอความเป็นธรรม พวกเสื้อแดงเขามาเยี่ยมผมที่พนมเปญ เขาบอกว่าทนไม่ไหวกับสื่อที่ไม่เป็นธรรม เขาบอกว่าวันที่ชุมนุมใหญ่เขาจะขอแวะไปเยี่ยมสื่อที่ไม่เป็นธรรม ไปดูว่าทำงานกันอย่างไร ผมก็บอกว่าไปก็ไปอย่างสันติอย่าไปแบบสันติ อย่าไปแบบไม่เป็นมิตร ไปขอความเป็นธรรมบ้าง เพราะเราก็คนไทยด้วยกัน ถ้าความเป็นธรรมไม่เกิดขึ้น ก็จะมีแต่ความเจ็บช้ำน้ำใจ มันมีแต่จะตอกลิ่มลงไปเรื่อยๆ"
 
กลุ่มคนเสื้อแดงวางแผนล้อมสำนักสื่อหลังปีใหม่

 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะมีการชุมนุมใหญ่แน่นอนในช่วงหลังปีใหม่ไม่เกินเดือนเมษายน ทั้งนี้คนเสื้อแดงพร้อมหมดแล้วทุกด้านหากมีการชุมนุม ยืนยันว่าการชุมนุมครั้งหน้ารัฐบาลต้องอยู่ไม่ได้ จะเป็นการชุมนุมยื้ดเยื้อกดดันรัฐบาล

 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า การที่มีคนเสื้อแดงบางกลุ่มบางคน จะไปชุมนุมที่สำนักงานสื่อมวลชนบางสำนักที่ไม่เป็นกลางนั้น ก็เป็นเพียงความคิด อารมณ์ความรู้สึก แกนนำยังไม่ได้มีการประชุมหรือมีมติอะไรออกมา แต่ก็ต้องยอมรับว่าสื่อบางสำนักไม่ได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนอีกแล้ว แต่ทำหน้าที่เป็นแนวรบทางการเมือง ส่วนต่อไปจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงบางคนบางกลุ่มเดินทางไปชุมนุมจริงก็ถือเป็นสิทธิเสรีภาพ เพราะสื่อมวลชนเองก็อ้างว่ามีเสรีภาพในการนำเสนอ ซึ่งก็ต้องยอมรับเสรีภาพในการแสดงออกของผู้บริโภคเช่นกัน แต่การชุมนุมที่อาจมีขึ้นต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย อะไรที่ผิดกฎหมายจะทำไม่ได้

 เมื่อถามว่าเกรงว่าการเคลื่อนไปชุมนุมสำนักงานสื่อมวลชนอาจมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า บอกแล้วว่าการชุมนุมเป็นเสรีภาพที่สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้ามีเหตุอะไรเกิดขึ้นพวกเราก็พร้อมรับผิดชอบทุกครั้งที่ออกเคลื่อนไหว

"เฉลิม"ชน"อภิชาต"หากตัดสินคดี 258 ล้านไม่ผิด

 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่กกต.ยังไม่พิจารณาคำร้องกรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตามสำนวนชัดเจนอยู่แล้วว่าที่มาของเรื่องคือนายประจวบ สังข์ขาว กรรมการบริษัทเมซไซอ่ะห์ ได้เป็นผู้ติดต่อกับนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารทีพีไอ เพื่อให้พบกับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์สมัยนั้น เพื่อเจรจาให้เงินสนับสนุนพรรค แต่ไม่ใช่เป็นเงินของนายประชัย แต่เป็นเงินที่ฉ้อราษฎร์จากตลาดหลักทรัพย์ มาเข้าสู่กลุ่มบุคคล 4 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มนายประดิษฐ์ 2. กลุ่มของนายประจวบ เพื่อผ่านไปยังน้องชายของนายประดิษฐ์ 3. กลุ่มญาติพี่น้องของนายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สงขลา และ 4. กลุ่มญาติพี่น้องของนายประพร เอกอุรุ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งมีจำนวนเงินจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองอีก 29 ล้านบาท ที่ระบุว่าเป็นเงินค่าจ้างในการทำสื่อโฆษณาที่พรรคประชาธิปัตย์จ้างบริษัทเมซไซอ่ะห์ แต่นายประจวบก็ให้การไปแล้วว่าไม่เคยมีการจ้างงานกัน และใบเสร็จนั้นก็เป็นการปลอมแปลงขึ้นทั้งหมด

 ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่านายอภิชาต ในฐานะที่เป็นอดีตผู้พิพากษา ออกมาพูดได้ยังไง ว่าใครมีหลักฐานการโอนเงินก็ให้เอามาให้ และจะกลับไปทบทวนใหม่ แต่อาจจะตัดสินแบบเดิม แล้วยังมาอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล แล้วตอนยุบพลังประชาชน ตอนเรื่องของนายยงยุทธ ติยะไพรัช มันไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคลยังไง คดีนั้นมีการอ้างว่าจ่ายเงินให้กำนันคนหนึ่ง 5 แสนบาท แล้วพามาเจอกันที่กทม. ไม่เห็นมีหลักฐานการโอนเงินใดๆ แล้วทำไมจึงตัดสินยุบพรรคได้ แต่พอมากรณีนี้กลับมาเรียกร้องหาหลักฐาน ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ต้องเจอกัน เป็นยังไงเป็นกัน พรรคเพื่อไทยพร้อมจะต่อสู้อย่างเต็มที่ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

 ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้จริงๆแล้วมาจากการสอบสวนของดีเอสไอ แต่อธิบดีคนใหม่ อย่างนายธาริต เพ็งดิษฐ์ กลับบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับดีเอสไอ แม้ว่านายธาริต จะเป็นคนโชคดี ที่ได้เป็นอธิบดี แต่ถ้าโง่ขนาดนี้ เปลี่ยนรัฐบาลเมื่อไร นายธาริต จะต้องโดนเด้งคนแรก เพราะโง่อย่างนี้ปล่อยให้บริหารราชการไม่ได้

 “คนอย่างนายอภิชาต ผมรู้จักแต่ไม่สนิท เคยรู้จักตอนจะแต่งตั้งอธิบดีศาลภาค 5 ตอนที่ผมเป็นรมว.ยุติธรรม ก็มีคนเสนอชื่อนี้มาให้ ผมดูแล้วเห็นว่าประวัติความรู้ความสามารถดี ก็สนับสนุนทำหนังสือเสนอถึงกต. สุดท้ายก็ได้เป็นอธิบดีศาลภาค 5 แต่มาวันนี้ผมผิดหวังกับท่าทีของนายอภิชาตมาก ก็ขอให้รู้กันไปว่าหลักของกฎหมายมันเป็นอย่างนี้ ผมไม่เคยต้องการทำศึกกับกกต. เฝ้ารอการวินิจฉัยมาเกือบปี สุดท้ายกลับจะมาช่วยเหลือกัน รับไม่ไหว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด หากนายอภิชาตบอกว่าประชาธิปัตย์ไม่ผิด เราก็จะร้องใหม่ แล้วก็ต้องนำนายประจวบออกมาแถลงข่าวว่าข้อเท็จจริงเป็นยังไง พร้อมทั้งยื่นถอดถอนต่อศาลฎีกา และพร้อมจะนำสืบว่าเมื่อพยานหลักฐานเป็นอย่างนี้แล้วยังจะใช้ดุลพินิจอย่างนั้น เข้าข่ายความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 หรือไม่”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

 นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นมีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค จึงอยากให้เทียบเคียงกับตอนคดียุบพรรคไทยรักไทย ว่า เราก็พยายามบอกว่าเป็นเรื่องการดำเนินการโดยส่วนตัว กรรมการบริหารพรรคคนอื่น หรือพรรคไม่รับทราบ แต่กลับมีการวินิจฉัยว่าแม้พรรคไม่รู้เห็น แต่ถือว่าได้รับผลประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว จึงมีมติให้ยุบพรรค จึงขอให้เอาบรรรทัดฐานนี้ไปใช้ด้วย