ข่าว

รอง ผอ.รพ.บำราศนราดูร ยกเคสคนไข้โพสต์หวั่นวิกฤติกว่าวิกฤติ

รอง ผอ.รพ.บำราศนราดูร ยกเคสคนไข้โพสต์หวั่นวิกฤติกว่าวิกฤติ

20 มี.ค. 2563

หมอจุฬาฯ คนดัง ยืนยัน จนท.ทุกคนทำงานกันหนักมากทั้งกลางวันและกลางคืน รอง ผอ.รพ.บำราศนราดูร ชี้ ท่ามกลางวิกฤติมีโอกาสแต่ท่ามกลางวิกฤติอาจมีวิกฤติกว่านั้น

 

               20 มีนาคม 2563  ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha เผย ข้อความจาก นพ.วิศิษฏ์ ประสิทธิศิริกุล รอง ผอ.รพ.บำราศนราดูร ยืนยัน จนท.รพ.ทุกคนทำงานกันหนักมากทั้งกลางวันและกลางคืน อาจจะมีความผิดใจกันบ้าง ชี้ ท่ามกลางวิกฤติมีโอกาสแต่ท่ามกลางวิกฤติอาจมีวิกฤติกว่านั้น

อ่านข่าว - คาด 1 ปี คนไทยติดเชื้อ โควิด-19 ทะลุล้าน แต่ต้องรักษา 2 แสน

 

 

 

               "กราบเรียน พี่ๆ น้องๆ ครับ อาจจะมีความผิดใจกันบ้าง เรียนยืนยัน เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลบำราศนราดูรทุกคน ทำงานกันหนักมากทั้งกลางวันและกลางคืน ผู้ป่วยทั้งที่มีอาการหนัก และแยกกักตัว และที่ต้องคัดกรอง มากมาย
ด้านล่างจากน้องหมอวิศิษฏ์ครับ

               ท่ามกลางวิกฤติมีโอกาสแต่ท่ามกลางวิกฤติอาจมีวิกฤติกว่านั้น

               นพ.วิศิษฏ์ ประสิทธิศิริกุล รอง ผอ.รพ.บำราศนราดูร 20/3/63

 

               จากข้อความใน post นึงของ FB คนไข้ที่ถูก isolation จากกรณีติดเชื้อ COVID-19 หลังจากสังสรรค์ที่ร้านเหล้าและร้านคาราโอเกะ เหมือนเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า ขณะนี้แพทย์และพยาบาลไม่ได้รับมือแต่เฉพาะโรคระบาดเท่านั้น พวกเราต้องปรับตัวและต้องรับมือกับผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่จะว่าไปแล้วในหลายๆ คนมีอาการน้อยมากจนแทบไม่มีอาการเลย

 

 

 

               แต่ต้องมาถูกกักตัวเพื่อรอให้เชื้อหมดไปเท่านั้น ทั้งที่จะว่าไปแล้วเขาเหล่านั้นน่าจะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง และได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่อยู่ในอาการป่วยมากกว่า สภาพที่พวกเขาถูกกักกันรอให้เชื้อหมดไปก่อนปล่อยกลับบ้านนั้น เหมาะสมกับพวกเขาหรือเปล่า ?

               การปฏิบัติของแพทย์ที่พวกเขาคาดหวังไว้กับการดูแลของแพทย์ในแนวทางที่ใช้รักษาผู้ป่วยแบบเดิมๆ ที่มีอาการป่วยทางร่างกายมาโดยตลอด มันเหมาะสมหรือไม่ ?

               ขณะนี้ ต้องยอมรับว่าผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่อยู่ในโรงพยาบาลเหมือนตกอยู่ในสภาพ one size fit all ไม่ใช่ tailored made เสื้อผ้าใส่ได้อยู่สบายตัวพอควร แต่อาจไม่เข้ารูป เปรียบกับการดูแลทางการแพทย์ในสถานการณ์ที่มีการระบาดของ COVID-19 ในขณะนี้ การ post ข้อความใน FB นี้ กระตุกความรู้สึกว่า

 

 

 

               พวกเราอาจต้องใช้วิธีบริหารจัดการใหม่ที่เหมาะสมกว่านี้กับผู้ติดเชื้อที่มีอาการน้อย (ไม่ใช่เรื่องเดียวกันกับมีเชื้อน้อยหรือมีเชื้อมาก)

               ความคาดหวังของเรา คือ ถ้าพวกเขาเชื้อหมดแล้วส่วนรวมจะปลอดภัย แต่วิธีการที่เราทำนั้นอาจก่อให้เกิดความอึดอัดแก่ผู้ติดเชื้อเหล่านี้ ในขณะที่ผู้ติดเชื้อมีความเป็นปัจเจก ซึ่งดูแล้วก็ไม่ผิดอะไร นอกจากนั้นดูเหมือนเป็นการเตือนสติเราด้วยซ้ำว่า เรามีวิธีที่ดีกว่านี้หรือไม่ในการปฏิบัติต่อพวกเขาเหล่านั้น

               จะว่าไปแล้ว การให้ความเมตตาหรือให้อภัยต่อกันได้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย

               ในท่ามกลางสภาวะที่ยากลำบากเช่นนี้ ประเทศชาติต้องการความร่วมมือและความกลมเกลียวในการผ่านพ้นวิกฤติ

 

 

 

               อยากจะให้มองว่าทุกคนมีความปรารถนาดีต่อกัน ติเพื่อสร้างสรรค์ เพื่อหาโอกาสในวิกฤต แต่ไม่อยากให้เรื่องที่ให้อภัยต่อกันได้อย่างนี้ กลายเป็นวิกฤติกว่าในความวิกฤติขณะนี้นะครับ"