ไอ้หย่า! ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งเหวเกือบ 3,000 จุด

           ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดตลาดวันจันทร์ (16 มี.ค.)ยังคงทรุดตัวลงอย่างหนักเกือบ 3,000 จุด หลังจากมีการใช้ระบบ circuit breaker เพื่อพักการซื้อขายก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนเกิดความตื่นตระหนกต่อผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ดิ่งลง 2,997.1 จุด หรือ 12.93% ปิดที่ 20,188.52 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 324.89 จุดหรือ 11.98%, ปิดที่ 2,386.13 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วง 970.28 จุด หรือ 12.32%, ปิดที่ 6,904.59 จุด

           การที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทใช้มาตรการ circuit breaker ในคืนนี้ ถือเป็นการใช้ครั้งที่ 3 ในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากมีการใช้ 2 ครั้งในสัปดาห์ที่แล้วเพื่อพักการซื้อขายชั่วคราว ขณะที่นักลงทุนกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศระงับการเดินทางจากประเทศในยุโรปเข้าสู่สหรัฐ

            ทั้งนี้ เฟดสร้างความประหลาดใจต่อตลาดด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.00% จากระดับ 1.00-1.25% สู่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ เฟดยังประกาศซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) วงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์

            การใช้มาตรการคิวอีของเฟดเมื่อวานนี้(16 มี.ค.) ถือเป็นการทำคิวอีเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่สหรัฐเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และภาวะถดถอยในปี 2550-2552 โดยเฟดได้ถือครองสินทรัพย์จำนวนมากในช่วงที่ดำเนินการเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอีเป็นจำนวน 3 รอบ ก่อนหน้านี้เพื่อกระตุ้นการลงทุน และการจ้างงานในช่วงเวลาดังกล่าว 

              ขณะเดียวกัน เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ฉุกเฉินสำหรับธนาคารพาณิชย์ลง 1.25% สู่ระดับ 0.25% และขยายอายุเงินกู้เป็นเวลา 90 วัน และเฟดยังได้ปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารจำนวนหลายพันแห่งสู่ระดับ 0%

              นอกจากนี้ เฟดยังประกาศความร่วมมือกับธนาคารกลางระดับโลก เช่น ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางแคนาดา ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสวิส ในการเพิ่มสภาพคล่องของดอลลาร์ทั่วโลกผ่านทางข้อตกลงสว็อประหว่างธนาคารกลางดังกล่าว