ข่าว

เปิดโผหุ้นปันผลเด่น กลุ่ม SET100

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดโผหุ้นปันผลเด่น กลุ่ม SET100

           จากการสำรวจข้อมูลการจ่ายเงินปันผลของหุ้นในกลุ่ม SET100 ซึ่งประกาศจ่าย และจะทำการจ่ายในช่วงกลางปีที่จะถึงนี้ เทียบกับราคาปิดของหุ้น ณ วันที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา พบว่าหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงที่สุด คือ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JAS ในระดับ 36.4%

          รองลงมาคือ บมจ.ทิสโก้ไฟแนลเชียลกรุ๊ป หรือ TISCO มีอัตราเงินปันผลราว 9.6% จากการประกาศจ่ายเงินปันผล 7.75 บาทต่อหุ้น โดยราคาล่าสุดของ TISCO อยู่ที่ 80.25 บาท และถัดมาคือ บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง หรือ PSH มีอัตราเงินปันผล 8.6% จากการประกาศจ่ายเงินปันผล 0.95 บาทต่อหุ้น โดยราคาของ PSH ล่าสุด ปิดที่ 11 บาท 

     

     ทั้งนี้ จากราคาปิดล่าสุด พบว่าในบรรดาหุ้นกลุ่ม SET100 มีหุ้นถึง 34 บริษัท ที่ราคาล่าสุดลดต่ำลงจนมีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book value) โดยหุ้นที่มีราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ต่ำสุดของกลุ่มคือ บมจ.บ้านปู หรือ BANPU อยู่ที่ 0.36 เท่า รองลงมาคือ บมจ.ธนาคารทหารไทย หรือ TMB ที่ 0.41 เท่า และบมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC ที่ 0.42 เท่า 

เปิดโผหุ้นปันผลเด่น กลุ่ม SET100

         สำหรับ ดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ (16-20 มี.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่ามีแนวรับที่ 1,085 และ 1,040 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,165 และ 1,200 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายละเอียดของกองทุนพยุงหุ้น การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ สถานการณ์ราคาน้ำมัน และสถานการณ์การระบาดของไวรัส Covid-19

           ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และยอดขายบ้านมือสองเดือน ก.พ. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ม.ค.-ก.พ.ของจีน รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ก.พ.ของยูโรโซนและญี่ปุ่น 

        อย่างไรก็ตาม ทิศทางต่อไปจะต้องดูตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก เพราะตลาดต่างประเทศเป็นตัวชี้นำตลาดหุ้นไทย รวมถึงต้องติดตามมาตรการเพิ่มเติมที่จะออกมาทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย อาทิ จีน ที่ประกาศปรับลดดอกเบี้ยอัตราเงินสดสำรองของธนาคารพาณิชย์ จาก 1.5% เหลือ 1% ซึ่งจะทำให้ธนาคารนำเงินไปปล่อยกู้ได้มากขึ้น พร้อมกับการอัดฉีดเงินเข้าระบบกว่า 80,000 ล้านบาท เป็นต้น

     

        ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบันดัชนีปรับฐานลงรวมกว่า 461 จุด หรือประมาณ 29.4% นั่นทำให้เชื่อว่าจะเกิดการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยในปี 2563 ลดลงไป 14.6% จากปัจจุบันคาดอยู่ที่ 8.54 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะอยู่ประมาณ 1 ล้านล้านบาท หากการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยปี 2563 อยู่ที่ 1.6%

        นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับแนวโน้มสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 จะดีขึ้นเหมือนกับจีนที่สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อใด และบางประเทศมีมาตรการที่เฉียบขาดในการควบคุมการติดเชื้อ โดยประกาศปิดประเทศ เช่น อิตาลี และอินเดีย ประกาศห้ามต่างชาติเดินทางเข้าประเทศจะแก้ไขสถานการณ์ได้หรือไม่ โดยรวมหากจำนวนผู้ติดเชื้อนอกจีนเริ่มเพิ่มขึ้นในอัตราน้อยลงเหมือนจีน เชื่อว่าตลาดหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวแรงเหมือนในอดีตที่ผ่านมาได้ 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ