ข่าว

ผบ.เหล่าทัพ ไม่รับเงินเดือน สว. ส่งสัญญาณชัดต้องเปลี่ยนผู้นำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"จตุพร" จี้ "บิ๊กตู่" ถึงเวลากล้าประกาศเสียสละ เชื่อ 6 ผบ.เหล่าทัพ ไม่รับเงินเดือน สว.ส่งสัญญาณตรงถึง รบ. ลั่นเมินเฉยเชื่อจบไม่สวย ชี้คุมโควิด-19 ไม่ได้ ทำ ปชช.ตื่นถึงขั้นกักตุนอาหาร ระบุเด้ง อธิบดีกรมการค้าภายใน ไม่แก้ปัญหา หากจำเป็นต้องเด้ง รมว.พาณิชย์

 


          เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์ ผ่านสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีซทีวี ด้วยการเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เสียสละเพื่อนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตรุมถาโถมเข้าใส่บ้านเมืองในขณะนี้

 

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง

 

พุ่งพรวด พบผู้ป่วยโควิด 32 ราย สั่งทำแผนที่อัพเดทโซนติดเชื้อ

"จตุพร" เย้ย รบ.ขาลงไร้น้ำยาแก้ไขหน้ากากกันโรค

"นายกฯ"จ่อตั้งร.พ.เฉพาะกิจรับมือโควิดระบาดระยะ3

 

          แม้นายจตุพร ไม่ได้ระบุชัดเจน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลต้องเสียสละอย่างไร แต่เมื่อไม่มีศักยภาพการบริหารแล้ว เสียงเรียกร้องของสังคมที่ดังกระหึ่มรุนแรงและต่อเนื่องนั้น คือ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออก

 

          “เมื่อผู้บัญชาการเหล่าทัพที่ได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดไว้ แล้วประกาศเสียสละไม่รับเงินเดือน ส.ว.จนถึงเกษียณอายุ พร้อมทั้งจะคืนเงินเดือน ส.ว.ที่ได้รับก่อนหน้านี้ด้วย นี่เป็นการเสียสละ และเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า รัฐบาลต้องเริ่มคิดการเสียสละบ้าง

 

          นายจตุพร เชื่อว่า 6 ผบ.เหล่าทัพเสียสละนั้น จะเป็นการเริ่มต้นครั้งสำคัญว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกำลังจะเกิดขึ้นตามมาในไม่ช้า ซึ่งปลายทางมีทางออกหลายทาง

 

          “แม่ทัพนายกองเริ่มต้นเสียสละโดยไม่รับเงินเดือนนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณแรง และผมเชื่อว่าเป็นการส่งมายังรัฐบาลโดยตรง ซึ่งหากติดยึดเงินเดือน ตำแหน่ง หน้าที่แล้ว ไม่มีวันแก้ไขปัญหาชาติได้

 

          อีกทั้งย้ำว่า ถ้าเปลี่ยนม้ากลางศึกแล้ว ใครจะดูแล จัดการปัญหาไวรัสโควิด-19 ซึ่งตนมั่นใจว่าจะเป็นใครก็ได้ ถ้าหลอมรวมความรู้สึกของคนภายในชาติ แล้วบริหารการจัดการแก้ไขปัญหา จนแต่ละฝ่ายได้พาประเทศข้ามพ้นวิกฤตกันได้

 

          นอกจากนี้ ยืนยันว่า เมื่อเกิดวิกฤตรุมเข้าหาบ้านเมืองมากมายแล้ว คนรับผิดชอบต้องคือรัฐบาล และคนรับผิดชอบสูงสุดของรัฐบาลคือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาล ดังนั้น การส่งสัญญาณของแม่ทัพนายกองทั้งหลาย รัฐบาลต้องคิด หากวันนี้รัฐบาลยังไม่คิดเรื่องการเสียสละ ตนเชื่อว่าจบไม่สวย

 

          “ผมเชื่อว่า การเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ผมยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นช่วงนับเดือน และที่สำคัญคือ หนีการเปลี่ยนแปลงไปไม่พ้น แม้ไวรัสโควิดอาจมาหยุดอะไรได้สารพัด แต่มาหยุดความจริง คือความล้มเหลวทั้งปวงที่ไม่สามารถแก้ปัญหาชาติได้ จึงต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ขอให้รอฟังกัน

 

          ส่วนการแก้ไขปัญหาไวรัศโควิด-19 นั้น นายจตุพร เชื่อว่า แนวโน้มการเเพร่ระบาดจะเข้าสู่ระยะที่ 3 อย่างแน่นอน แม้วันนี้จะอยู่ในระยะที่ 2 ก็ตาม เพราะไม่มีใครกล้ายืนยันจะไม่ถึงระยะที่ 3 ดังนั้น หากยังอยู่ในลักษณะเช่นนี้ ก็จะเข้าสู่ระยะที่ 3

 

          ยิ่งไปกว่านั้นความตื่นตระหนกของประชาชนจำนวนมากเริ่มมีความเชื่อว่า จะต้องไปกักตุนอาหาร เสมือนหนึ่งว่าถึงขั้นวิกฤต และความเชื่อดังกล่าวจะลุกลามไปเรื่อยๆ เพราะการตื่นตระหนกดังกล่าวเป็นผลมาจากการบริหารจัดการของรัฐบาลไร้ศักยภาพการควบคุมเชื้อโรค

 

          นายจตุพร ยกตัวอย่างว่า กรณีแรงงานไทยที่เดินทางมาจากประเทศเกาหลีใต้ เรื่องการกักตุนหน้ากากอนามัย ที่ล่าสุดมีคำสั่งย้าย อธิบดีกรมการค้าภายใน ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า เราไม่เคยมีหน้ากากอนามัยราคา 2.50 บาท ไม่สามารถควบคุมอะไรกันได้

 

          นอกจากนี้ ยังปรากฏคลิปวีดีโอของชายคนหนึ่งที่บอกว่ามีหน้ากากอนามัยกักตุนไว้ถึง 200 ล้านชิ้น ก็ยิ่งทำให้เกิดความวิตกกันอีกและท้ายที่สุดก็ไม่สามารถจะเอาผิดใครได้ ต่อมาโฆษกกรมศุลกากรก็แถลงว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีการส่งออกหน้ากากไปต่างประเทศ ทำให้อธิบดีกรมการค้าภายในไปแจ้งความดำเนินคดีกับโฆษกกรมศุลกากร ท้ายที่สุด อธิบดีกรมการค้าภายในก็โดนเด้ง

 

          “ผมอยากบอกกับนายกฯว่า การบริหารจัดการหน้ากากอนามัยนั้นเป็นความรับผิดชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดังนั้นเรื่องจำนวนหน้ากาก ทำให้เกิดความเชื่อ 2 อย่างในขณะนี้คือ พวกหนึ่งกักตุนแล้วไปขายเกินราคา ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าในทางการข่าวนายกฯต้องรู้ว่า ใครไปดำเนินการในลักษณะดังกล่าว เพราะปริมาณจำนวนมากขนาดนี้ คนนอกเข้าไปเกี่ยวข้องได้ยาก มีแต่คนในกลไกรัฐเท่านั้นที่ทำได้

 

          อีกทั้ง กระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นกระทรวงที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวโดยตรง ก็ไม่ได้สะท้อนวิถีคิดว่าจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร แม้แต่การย้ายอธิบดีกรมการค้าภายในก็ไม่ช่วยแก้ไขปัญหาอะไร เพราะการรับผิดชอบอยู่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หากจำเป็นจะเด้งก็ต้องเด้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

 

          “ที่สำคัญที่สุดหากรัฐบาลยังแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็ต้องเด้งกันทั้งรัฐบาลจึงจะสมเหตุสมผล วันนี้หากประเทศไทยมีการเมืองที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเจอวิกฤตอะไรต่างๆที่ผ่านมา ก็สามารถร่วมมือกันช่วยเหลือกันได้ แต่วันนี้ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะออกมาแถลงให้อย่างเป็นทางการให้ประชาชนได้ทราบ หรือแม้กระทั่งบรรดาเจ้าสัวทั้งหลาย เจ้าของโรงพยาบาลทั้งหลายที่เป็นเอกชนจะมาร่วมมือกัน

 

          นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้มีการพูดถึงการตรวจรักษาไวรัสโควิด-19 ว่ามีราคาเเพง แทนที่รัฐบาลคิดแต่จะแจกเงิน ก็ประกาศให้ชัดว่า ประชาชนสามารถตรวจการติดเชื้อไวรัสโควิท-19 ฟรีทุกคน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า คนไม่ต้องการเงินแต่คนต้องการหน้ากากอนามัย ต้องการความมั่นใจว่าไม่ได้ติดเชื้อไวรัสโควิท-19 แต่รัฐบาลกลับไม่ใช้โอกาสนี้ในการบริหารจัดการในการหลอมคนไทยในชาติมาร่วมกัน เสมือนหนึ่งว่าประเทศอยู่ภายใต้วิกฤตสงครามว่าจะให้ประชาชนทำอะไร จะร่วมมือกันอย่างไร และแต่ละฝ่ายจะร่วมเสียสละกันอย่างไร แต่กลับไม่มีมาตรการอะไรที่ชัดเจน.

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ