ข่าว

ท้อไม่ได้ "บิ๊กตู่" ให้กำลังใจบุคลากร-แพทย์ รพ.ราชวิถี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กตู่" เยี่ยมให้กำลังใจ บุคลากรทางการแพทย์ "รพ.ราชวิถี" พร้อมมอบ ยาต้านไวรัสเฟวิพิลาเวียร์ 1 หมื่นเม็ด กระจาย รพ. ใน "กทม." ขอให้ช่วยกันสู้ "โควิด-19" โรคประวัติศาสตร์ของไทย ยัน ยังคุมได้ แต่เข้มขึ้นตามลำดับ

 

 

          เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2563 เวลา 15.00 น. ที่โรงพยาบาลราชวิถี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เดินทางตรวจเยี่ยมการเตรียมการด้านสาธารณสุข เพื่อรองรับการรักษาโควิด-19 โดยเฉพาะหากสถานการณ์รุนแรงยกระดับการระบาด ที่อาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี โดยมี นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี ให้การต้อนรับ

 

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง

ขอโทษสื่อสารผิด "บิ๊กป๊อก" ยันไม่ปิดศูนย์กักตัว 

พิษโควิด19 "สมคิด" สั่งด่วนคลังตั้งกองทุนพยุงหุ้นทรุดหนัก

 

ท้อไม่ได้ "บิ๊กตู่" ให้กำลังใจบุคลากร-แพทย์ รพ.ราชวิถี

 

          โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมออกกำลังกายกับบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาลของโรงพยาบาล ซึ่งมีเป็นประจำทุกวันในเวลา 15.00 น. ก่อนตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองเทอร์โมสแกน บริเวณชั้น 1 พร้อมชม โดยมีประชาชนให้การต้อนรับและให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี
           

ท้อไม่ได้ "บิ๊กตู่" ให้กำลังใจบุคลากร-แพทย์ รพ.ราชวิถี

 

          จากนั้น นายกรัฐมนตรึ ตรวจเยี่ยมห้องตรวจแยกโรคระบบทางเดินหายใจ (ARI) พร้อมมอบกระเช้าให้กำลังใจแก่ตัวแทนญาติผู้ป่วย แพทย์และพยาบาล รวมถึงมอบยาต้านไวรัสเฟวิพิลาเวียร์ จำนวน 10,000 เม็ด ซึ่งองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ติดต่อซื้อจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้แก่โรงพยาบาลของกรมการแพทย์ เพื่อนำไปแบ่งปันให้แก่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร และเครือข่ายโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ เช่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลศิริราช ขณะเดียวกัน นายกฯ ยังได้ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนายารักษาของโรงพยายาลราชวิถี สูตรยาค็อกเทล (Cocktail) ของไทย 
               

          นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้ตรวจเยี่ยมอาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี ซึ่งเป็นอาคารใหม่ เพิ่งเปิดดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการได้ประมาณ 1 เดือน และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลและคนไข้ จากนั้น นายกฯ ไปยังตึกอายุรกรรม ก่อนขึ้นไปยังชั้น 3 ตรวจเยี่ยมห้องผู้ป่วยแยกโรคผ่านระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) 

 

ท้อไม่ได้ "บิ๊กตู่" ให้กำลังใจบุคลากร-แพทย์ รพ.ราชวิถี

 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการตรวจเยี่ยม นายกรัฐมนตรีกล่าวกับบุคลากรของโรงพยาบาลราชวิถีว่า ขอให้แพทย์และพยาบาลช่วยกันแก้ปัญหา เพราะโรคโควิด-19 ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ของไทย ทุกคนทุกโรงพยาบาลจะรักษาได้ ขณะที่รัฐบาลมีมาตรการตรวจคัดกรองอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะคนที่มาจาก 4 ประเทศและมีระบบติดตามตัว และตลอดการตรวจเยี่ยม เจ้าหน้าที่ และ ผู้ที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลตะโกนให้กำลังใจในการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีให้สู้ต่อไป ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบว่า “ท้อไม่ได้อยู่แล้ว”   

 

ท้อไม่ได้ "บิ๊กตู่" ให้กำลังใจบุคลากร-แพทย์ รพ.ราชวิถี

 

      จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า จากการคัดแยกตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และมารักษา เข้าห้องความดัน และมีผู้ป่วยรักษาตัวจนหาย อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ สถานการณ์ในวันนี้เรายังควบคุมได้อยู่ ถึงแม้จะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในโรงพยาบาลแต่ละวัน เป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญหากทุกคนรู้ว่าตัวเองไม่สบายจะต้องมาพบแพทย์ตรวจสอบตัวเอง และหากพบผลเป็นบวกคือติดโรค ทางแพทย์จะเป็นผู้ติดตามว่าในระยะเวลา 5-7 วัน ผู้ติดเชื้อได้เดินทางไปที่ไหนมาบ้าง ระยะนี้จึงเป็นช่วงที่ต้องระมัดระวัง หลายกรณีที่เกิดขึ้นมาจากการรวมกลุ่มกันไม่ระมัดระวังตัวเอง ดื่มน้ำแก้วเดียวกันสูบบุหรี่มวนเดียวกัน ขณะที่ต่างประเทศเองก็ได้เปลี่ยนจากการจับมือมาใช้การไหว้แทนเพื่อลดการสัมผัสเชื้อผ่านทางมือ การไหว้เป็นสิ่งที่น่าปลื้มใจนอกจากช่วยลดการติดโรคยังดูอ่อนน้อมสวยงาม 

 

ท้อไม่ได้ "บิ๊กตู่" ให้กำลังใจบุคลากร-แพทย์ รพ.ราชวิถี

 

          นายกฯ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เรามีมาตรการตั้งแต่การคัดกรอง คัดแยก การรักษาพยาบาล การส่งตัวไปกักกันในพื้นที่ 14 วัน รวมถึงมีกฎหมายให้เจ้าพนักงานตรวจติดตามผู้ที่ถูกกักกัน ตรวจทุกวันและต้องรายงาน 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีโปรแกรม ติดตามตัวผ่านแอพพลิเคชัน ซึ่งนำไปสาธิตที่สนามบินแล้ว และทุกหน่วยงานได้เห็นชอบร่วมกันว่าทุกหน่วยงานจัดเก็บข้อมูลของทุกคนที่ผ่านการเข้าออกจากสนามบินในระยะ 14 วัน เพื่อติดตามตัวได้ผ่านทางโทรศัพท์ แม้จะปิดเครื่องก็ตามเจอ ปิดเมื่อไหร่ก็รู้ ซึ่งทั้งหมดเป็นมาตรการที่จำเป็นต้องทำให้รัดกุมมากที่สุด เมื่อเช้าที่ผ่านมาได้มีการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลร่วมกับคณะเล็กขอให้ทุกคนสบายใจว่าสิ่งที่เราได้ทำคือการยกเลิกการขอตรวจลงตราวีซ่าเพื่อเข้าประเทศที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (VISA on Arrival หรือVOA) เป็นมาตรการที่เรามีข้อตกลงในเรื่องของ VOA อย่างเดียว

 

ท้อไม่ได้ "บิ๊กตู่" ให้กำลังใจบุคลากร-แพทย์ รพ.ราชวิถี

 

          ส่วนประเทศที่เราประกาศให้เป็นเขตติดโรคอันตรายไปก่อนหน้านี้คือ จีน เกาหลี อิหร่าน และอิตาลี จะต้องเข้มงวดประกันสุขภาพตรวจโดยแพทย์ตั้งแต่ต้นทางมาแล้ว และเมื่อถึงสนามบินต้องผ่านการตรวจคัดแยกและดูอาการ ส่วนที่เหลือก็ให้ไปแยกกักตัวที่ภูมิลำเนา ยื่นยันว่าตอนนี้เราทำครบทุกระบบ ส่วนหลายคนที่กังวลว่า 18 ประเทศจะช่วยลดกลุ่มคนที่เสี่ยงซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีการยกเลิกเที่ยวบินไปหลายร้อยเที่ยว และคนที่มาประเทศไทยในช่วง 1-2 วัน ภายหลังประกาศยกเลิก VOA ลดเหลือ 1,000 คน จากวันละ 6,500 คน ซึ่งมาตรการไทยค่อยๆ เข้มข้นตามระดับ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ