ข่าว

ศิริกัญญา ชี้ จับตาการควบรวมเครือ CP และ Tesco Lotus

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลังจากที่ตั้งคณะกรรมการ กขค. ขึ้นมาติดตามการควบรวมแล้ว จะมีปฏิกิริยาต่อดีลนี้อย่างไร กขค. และ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า 2560 จะเป็นแค่เสือกระดาษหรือไม่

 

              น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล (Sirikanya Tansakun) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายนโยบาย พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในฐานะประธาน กมธ. การพัฒนาเศรษฐกิจ โพสต์ Sirikanya Tansakun - ศิริกัญญา ตันสกุล จับตาการควบรวมเครือ CP และ Tesco Lotus !!!

อ่านข่าว - เจ้าสัวซีพี ทุ่ม 100 ล้าน สร้าง รง.ผลิตหน้ากากแจกฟรี

 

 

 

              สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางปัญหาต่างๆ ของประเทศ มีข่าวข่าวหนึ่งที่เป็นข่าวใหญ่ในแวดวงธุรกิจ คือ การที่เครือ CP ซื้อกิจการ Tesco Lotus ในไทยและมาเลเซีย มูลค่ารวม 10,576 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 338,445 ล้านบาท โดย CP โฮลดิ้ง ถือหุ้น 40% , CPAll ถือหุ้น 40% และ CPF ถือหุ้น 20%

              แน่นอนค่ะ ว่า การควบรวมกิจการใหญ่ของกลุ่มทุนค้าปลีกสำคัญของประเทศย่อมส่งผลกระทบกับการแข่งขันในตลาด

              สำหรับฝั่งลูกค้า การแข่งขันที่ลดลงย่อมนำไปสู่ทางเลือกในตลาดที่ลดลง

              สำหรับซัพพลายเออร์รายย่อย (หรือแม้แต่เจ้าใหญ่ก็ตาม) ก็จะมีอำนาจต่อรองน้อยลงหากจะส่งสินค้าวางขาย

              อย่าลืมว่านะคะ ว่า เครือซีพี เองก็มีธุรกิจการเกษตรขนาดใหญ่ ตั้งแต่ต้นน้ำปัจจัยการผลิตอย่าง ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ สารเคมีเกษตร อาหารสด อาหารแปรรูป การเข้ามายึดกุมธุรกิจค้าปลีกอย่างครบวงจรเช่นนี้ จะสร้างอำนาจต่อรองกับเกษตรกรรายย่อยได้ขนาดไหน

 

 

 

 

              สิ่งที่เราต้องจับตาคือ “คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.)” หลังจากที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาติดตามการควบรวมแล้ว จะมีปฏิกิริยาต่อดีลนี้อย่างไร คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า และ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า 2560 จะเป็นแค่เสือกระดาษหรือไม่

 

2 เรื่องที่เราต้องจับตา คือ

              ประการแรก การนิยาม “อำนาจเหนือตลาด” ว่าจะใช้นิยาม “ตลาด” ว่าอย่างไร จะนิยามอยากแคบที่สุดว่าเป็นตลาดห้างค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่ (hypermarket) จะใช้นิยามอย่างกว้างของตลาดค้าปลีก (retail market) ที่รวมร้านสะดวกซื้อและตลาดสดทั้งหมด

              ส่วนที่สำคัญที่สุดก็การตีความนิยามขอบเขตของตลาดนี่แหละค่ะ ถ้าตีความว่าเป็นตลาดค้าปลีกที่รวมร้านสะดวกซื้อและตลาดสดเข้าไปด้วย ก็คงไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด และไม่จำเป็นต้องขออนุญาตด้วยซ้ำ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เป็นตัวตัดสินว่าคณะกรรมการแข่งขันทางการค้ามีอำนาจในการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ควบรวมหรือไม่ หรือจะเข้าเกณฑ์ว่าเป็นเพียงต้องแจ้งให้คณะกรรมการทราบเฉยๆ

 

 

 

              แต่การใช้เฉพาะส่วนแบ่งตลาดนั้นเป็นเกณฑ์ที่แข็งเกินไป ควรพิจารณาหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น รายได้ ยอดขาย หรือทรัพย์สิน หรือส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นหลังการควบรวม

              ประการที่สอง คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า จะมีมาตรการในการป้องกัน “พฤติกรรมที่อาจจำกัดการแข่งขัน” ซึ่ง พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้าให้อำนาจเอาไว้หรือไม่

              เพราะถึงแม้ว่าส่วนแบ่งตลาดต่ำกว่าเกณฑ์ ก็ไม่ได้หมายความจะไม่มีอำนาจเหนือตลาด และการคำนวณส่วนแบ่งตลาดนั้นมองได้จากทั้งฝั่งผู้ซื้อหรือผู้ขาย และท้ายที่สุด การควบรวมก็สามารถจำกัดการแข่งขันหรือนำไปสู่การค้าที่ไม่เป็นธรรมได้อยู่ดี

              ในต่างประเทศ หากเห็นว่าการควบรวมกิจการอาจนำไปสู่การใช้อำนาจเหนือตลาด คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าอาจสั่งห้ามการควบรวมกิจการ หรืออนุญาตแบบมีเงื่อนไขให้มีการขายกิจการไปบางส่วน ส่วนในประเทศไทย เราก็คงต้องฝากให้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้ามีความกล้าหาญในการจัดการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

 

 

 

              ปล. กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (สขค.) ให้นำส่งข้อมูลเกี่ยวกับการพิจารณาทั้งเคสนี้ และเคสการควบรวมโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์แล้วนะคะ รอติดตามกันค่ะว่า สขค. จะชี้แจงว่าอย่างไร #ก้าวไกล

 

 

 

ศิริกัญญา ชี้ จับตาการควบรวมเครือ CP และ Tesco Lotus

 

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ