ข่าว

'ต้อย'สนธิญาณฟ้อง'ผู้จัดการ'ลงบทความมั่ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สนธิญาณ" ส่งจดหมายถึง "สนธิ" ยันไม่เคยฝาก "พิตตินันท์" ติดตาม "ธรรมนัส" อย่างที่ "ผู้จัดการโยง" ยันรู้จักนักการเมืองเยอะแต่ไม่มีผลประโยชน์ ลั่นฟ้องผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

          กลายเป็นประเด็นร้อนหลังจากเว็บไซต์ผู้จัดการคอลัมม์ “ข่าวปนคน คนปนข่าว” เมื่อวันที่ 11 มีนาคม เผยแพร่บทความพาดพิงถึงนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เนชั่นทีวี เป็นคนฝากฝังนายพิตตินันท์ รักเอียด ไปทำหน้าที่ผู้ติดตาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ นั้น ล่าสุดผู้บริหารเครือเนชั่นได้ส่งสารชี้แจงข้อเท็จจริงถึงผู้บริหารเครือผู้จัดการในวันเดียวกัน

 

 

 

 

          จากสนธิญาณ ถึง สนธิ ลิ้มทองกุล โดยมีใจความว่า ในฐานะรุ่นน้องในวงการสื่อ ที่เคยพึงพาอาศัยพี่เมื่อปี 2531 หรือเมื่อ 32 ปีก่อน ที่ผมและพี่ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ ได้เคยไปขอยืมเงินพี่ 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) ซึ่งถือว่าเป็นเงินที่มากพอสมควรในยุคสมัยนั้น และพี่กรุณาแนะนำวิธีการทำสื่อให้รอด เพราะเงินที่ยืมไปนั้นเพื่อเอามาต่ออายุนิตยสาร “อาทิตย์รายสัปดาห์” ที่ทำกันอยู่ แต่ที่สุดนิตยสารอาทิตย์ก็ไปไม่รอดอยู่ดี เพราะพี่ชัชรินทร์บอกว่า เรายอมตายแบบไดโนเสาร์ดีกว่าวิวัฒน์การไปเป็นเ..ี้ย แม้จะได้คืนเงินพี่ไปแล้ว แต่ยังระลึกถึงบุญคุณของพี่เสมอ แต่การที่สื่อในเครือผู้จัดการ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 พาดหัวข่าวว่า “เปิดที่มา “เทพ” พิตตินันท์ รักเอียด ที่อยู่ในทีมงาน “ร.อ.ธรรมนัส” ได้อัพเกรดเป็นผู้ติดตามรัฐมนตรี เพราะสนธิญาณจัดให้”

           “รายงานในเนื้อหาข่าวว่า “...เมื่อสืบสาวสายสัมพันธ์ที่มาที่ไปจึงพบว่า “พิตตินันท์” คือคนของ “สหายช่วง” ธงชัย สุวรรณวิหค แกนนำกลุ่มสันนิบาตประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ “ต้อย” สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานกรรมการ บริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) Nation TV และสนธิญาณ ก็เป็นคนนำ “พิตตินันท์” ไปฝากฝังให้เป็นผู้ติดตาม “ร.อ.ธรรมนัส” ผมขอเรียนพี่สนธิ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นจิตวิญญาณของสื่อในเครือผู้จัดการว่าเป็นการรายงานข่าวที่ “เลวมาก” นั่งเทียนเขียนโดยไม่ตรงข้อเท็จจริงเลย ไม่ตรวจสอบหรือหาข้อมูลในการทำข่าว แม้ก่อนหน้านี้สื่อในเครือผู้จัดการได้รายงานถึงผมบางส่วนบางเรื่องบางราวตรงข้อเท็จจริงบ้าง ไม่ตรงบ้าง แต่ไม่รุนแรงและเสียหายต่อผมและส่วนรวมเท่าครั้งนี้”

           จดหมายของนายสนธิญาณ ระบุต่อว่า ขอเรียนข้อเท็จจริงต่างๆ ในชีวิตอันมีส่วนเกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ต่างๆ โดยส่วนตัวไม่คบคนพร่ำเพรื่อ เพราะไม่ดื่มเหล้า ไม่สังสรรค์กับผู้คน ไม่คุยกับบุคคลทั่วไป ถ้าไม่ใช่เรื่องชาติบ้านเมืองและการปฏิบัติธรรมตามประสบการณ์ที่มี จะไม่รับโทรศัพท์ คนที่ไม่รู้จักหรือเมมเมอรี่เบอร์ไว้ ไม่ยุ่งกับโลกโซเชียลยืนยันว่าตนกับนายธงชัย สุวรรณวิหก (สหายช่วง) เป็นเพื่อนร่วมชีวิตกันมาในทุกสถานการณ์ โดยการเลือกตั้งที่ผ่านมานายธงชัยให้ไปช่วยพี่อ้อย (นายธีรยุทธ เอี่ยมตระกูล อดีตผู้ว่าฯ สุราษฎรธานี) ที่ลงสมัครในนามพลังประชารัฐ ซึ่งก็รู้จักพี่อ้อยมานานมีการเชิญตนมาบรรยายพิเศษให้ผู้สมัครฟัง 1 ครั้งโดยไม่รู้จักใครเป็นการส่วนตัว ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เจอกันไม่ถึง 5 ครั้ง และ 1 ครั้งที่สาคัญคือ ร.อ.ธรรมนัส ได้ไปทำบุญหล่อพระวันครบรอบแซยิดผมที่บ้านผม เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2562 โดยมีนักการเมืองที่ไปร่วมงานหลายท่าน โดยเหตุที่บุคคลเหล่านี้ไปร่วมงานเพราะบอกบุญเรื่องจะสร้างตึกสงฆ์อาพาธที่นครศรีธรรมราช

 

 

 

 

 

 

          อย่างไรก็ตามยืนยันว่าในคณะรัฐมนตรีชุดนี้มีความสนิทสนมในฐานะต่างๆ เกินกว่าครึ่ง บางคนในฐานะแหล่งข่าว บางคนในฐานะ กปปส. บางคนในฐานะเพื่อนเรียนกันมา แต่ทุกคนรู้ดีว่าตั้งแต่พวกเขามีอำนาจไม่เคยติดต่อเรื่องผลประโยชน์ใดๆ บางคนแทบไม่เคยคุยกันเลย นอกจากนี้ส่วนตัวรู้จักกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นการส่วนตัวแต่ไม่เคยมีโอกาสคุยกันเป็นการส่วนตัว ก่อนหน้านี้ได้พบพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2562 ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พร้อม “พระอาจารย์พระครูภัทรธรรมาภรณ์” เมื่อท่านมาถึงก็ได้มากราบพระอาจารย์และทักทายผมต่อหน้าประชาชนจำนวนมากและแล้วสิ่งที่คิดไว้ล่วงหน้าก็เป็นจริง คือหลังจากวันนั้นมีคนมาขอพบเพื่อจะขอแต่งตั้งเรื่องโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการไปจนถึงผลประโยชน์ต่างๆ ซึ่งได้ชี้แจงทุกคนว่าไม่ได้สนิทกับท่านและจะไม่ทำแบบนั้น

           จดหมายระบุต่อว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สนิทสนมกันมาตั้งแต่เป็นผบ.ทบ. และลูกน้องของพล.อ.ประวิตร ได้ขอให้ไปช่วยงาน “มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด” และนั่นเป็นเหตุได้สนิทสนมกัน พล.อ.ประวิตร มักสอบถามและขอคำปรึกษาทางการเมืองเนืองๆ เนื่องจากท่านบอกว่าไม่ค่อยรู้เรื่องการเมือง เป็นทหาร มีทั้งเรื่องที่ไม่เห็นด้วยและเห็นด้วยกันเสมอ แต่ พล.อ.ประวิตร ไม่เคยถือสา เพราะส่วนตัวที่เป็นคนพูดจาขวานผ่าซาก ไม่เข้าหูคน แค่ยืนยันว่าเอาผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง และ Nation Tv ก็เสนอข่าวคัดค้านเรื่องที่คิดว่ารัฐบาลทำไม่ชอบมาพากลมาโดยตลอด ไม่ว่าเรื่องต่ออายุสัญญาสัมปทานทางด่วนหรือรถไฟความเร็วสูงจนมีคนมาเสนอผลประโยชน์ให้หยุดเสนอข่าว แต่ก็ปฏิเสธไป พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้พูดถึงหรือก้าวก่ายในเรื่องข่าวสารแต่อย่างใด

          "ผมเขียนจดหมายยืดยาวด้วยลายมือตัวเอง อาจจะอ่านยากแต่ยืนยันว่าออกมาจากใจและเป็นความจริงทุกบรรทัด ไม่มีรอยลบ อาจจะกลัวพี่เหมือนพี่ขู่ใครต่อใครว่าสามารถจุดแบงก์ 500 เพื่อหาเหรียญสลึง แต่เชื่อว่าสัจจะคือสัจจะ ความจริงคือความจริง หากจะต้องตายกับความจริงก็ยอม และที่สาคัญก็ผ่านการใกล้หรือเฉียดตายมาหลายครั้งแล้ว ทุกวันก็มีมรณสติเป็นที่ตั้งตลอดเวลา ตั้งใจตัวเองว่าตายไปก็จะไม่เวียนมาเกิดแล้ว เบื่อหน่ายการเกิดโดยเฉพาะมนุษย์ที่มีความสกปรกขุ่นมัวในหัวใจด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ ตลอดเวลาทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองต้องตายแน่นอน ดังนั้นเพื่อให้ความจริงปรากฏในวันจันทร์ที่ 16 มีนาคมนี้ ผมจะไปยื่นฟ้องสื่อและผู้เกี่ยวข้องต่อศาลเพื่อพิสูจน์ความจริงกัน

           ส่วนเหตุผลที่ต้องฟ้องเพราะเรื่องสำคัญในชีวิตที่สุดในตอนนี้ก็คือเป็นประธานมูลนิธิศรีธรรมราชา ซึ่งมีภาระหน้าที่ต้องระดมเงินให้ได้ 300 ล้านบาท เป็นอย่างต่ำในเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ จนถึงวันนี้ มีผู้บริจาคมาแล้ว 90 ล้านบาท รวมผู้บริจาค 30,000 กว่ารายนั้น มาจากความเชื่อถือในฐานะประธานมูลนิธิ และประธานเนชั่นทีวี ซึ่งเป็นผู้ร่วมโครงการนี้ด้วย ถ้าปล่อยให้ข่าวในเครือผู้จัดการเผยแพร่ข่าวต่อไปทั้งๆ ที่เป็นความเท็จ ประชาชนก็คิดว่าเป็นคนเลวจริง เพราะคบคนชั่วเป็นมิตรและจะไม่ร่วมบริจาคงานบุญกุศล เพราะคิดว่าคนเลวเป็นคนทำ งานที่คิดจะทำถวายพ่อแม่ครูอาจารย์พระสงฆ์อาพาธก็อาจสะดุดหยุดลงได้ นี่คือความจำเป็นที่เราจะต้องพิสูจน์เรื่องนี้กันในศาลหวังว่าพี่คงเข้าใจนะครับ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ