ข่าว

ซัดคนสนิท รมต.กักตุน "ธรรมนัส" ปัดพันหน้ากาก 200 ล้านชิ้น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ซัดคนสนิท รมต.กักตุน "ธรรมนัส" ปัดพัวพันหน้ากาก 200 ล้านชิ้น จับ "เสี่ยบอย" โพสต์ขาย "บิ๊กตู่" ลั่นว่าตามกฎหมาย

 

               “ธรรมนัส” ปัดเอี่ยวกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น-โก่งราคา หลังเพจดังอ้างคนสนิทไปพบปะเจรจา ยันแจ้งความเอาผิดคนแอบอ้างแล้ว พร้อมตั้งกรรมการสอบ ลั่นทีมงานเอี่ยวดำเนินคดีด้วย ตั้งข้อสังเกตโยงขบวนการล้มรัฐบาล ขณะที่ “บิ๊กตู่” ไม่คุยรมช.เกษตรฯ สั่งตรวจสอบว่าไปตามกฎหมาย ตร.บุกค้นบ้านพักเมืองชลรวบ “ศรสุวีร์” เค้นสอบ เจ้าตัวอ้างแค่โชว์ออฟทางออนไลน์ ขณะเดียวกันจนท.ค้นรง.ผลิตย่านรามอินทราทางผู้บริหารยันไม่รู้เรื่อง “ศรีสุวรรณ” จี้สอบเส้นทางเงินคนสนิทรมต.พิสูจน์ ส่วน “จุรินทร์” แจงจัดสรรหน้ากากโปร่งใส

อ่านข่าว #ธรรมนัสกราบxxประชาชน ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์

 

               กรณีเพจชื่อดัง “แหม่มโพธิ์ดำ” เผยแพร่ข้อมูลอ้างว่าคนใกล้ชิดรัฐมนตรีคนหนึ่งไปพูดคุยกับพ่อค้าเรื่องการกักตุนและขายหน้ากากอนามัยในราคาสูง จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างมากและเรียกร้องให้รีบดำเนินการตามกฎหมายนั้น

 

               ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่รัฐสภา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ แถลงยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการกักตุนหรือขายหน้ากากอนามัย จำนวน 200 ล้านชิ้น ตามที่มีข่าวระบุว่า นายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี ผู้ประกอบธุรกิจขายหน้ากากอนามัย ประกาศขายสินค้าดังกล่าว โดยไปเกี่ยวข้องกับนายพิตตินันท์ รักเอียด อดีตผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นคณะทำงานของตนดูแลพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี

 

               ทั้งนี้ ได้ให้ทีมงานสอบถามนายพิตตินันท์ และมีข้อมูลว่านายพิตตินันท์ได้เจรจากับนายศรสุวีร์เพื่อนำหน้ากากอนามัยไปแจกประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 08.00 น.​ นายพิตตินันท์ได้แจ้งความดำเนินคดีนายศรสุวีร์แล้ว

 

               “ผมไม่ทราบว่าเขามีหน้ากากอนามัยจริงหรือไม่ แต่แจ้งความเพื่อดำเนินคดีแล้ว ส่วนตัวไม่เคยรู้จักนายพิตตินันท์มาก่อน เพราะไม่ได้ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ แต่ที่รับเป็นคณะทำงานเพราะมีคนบอกว่านายพิตตินันท์มีคะแนนในพื้นที่ดีจึงแต่งตั้งให้เป็นคณะทำงานในพื้นที่

 

               อย่างไรก็ตามการตรวจสอบข่าวที่เกิดขึ้น ผมตั้งคณะทำงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ตรวจสอบแล้ว หากพบการกักตุน ผมจะเป็นผู้นำคณะไปทลายเอง และตรวจสอบพฤติการณ์ของนายพิตตินันท์ด้วยเช่นกัน หากพบว่ามีคณะทำงานของผมไปเกี่ยวข้อง ผมจะไม่เลี้ยงคนพวกนี้ไว้ และดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

 

               รมช.เกษตรฯ กล่าวด้วยว่า สำหรับการโพสต์เฟซบุ๊กของนายศรสุวีร์ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าอยู่เบื้องหลังด้านใดหรือไม่ เพราะจากการติดตามเฟซบุ๊กของนายศรสุวีร์ ได้โพสต์ข้อความด่ารัฐบาลอย่างต่อเนื่อง

 

               ทั้งนี้การกำกับดูแลหน้ากากอนามัย แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับตนโดยตรง แต่เรื่องพาดพิงถึงตน ต้องดำเนินคดีและตรวจสอบว่ามีโรงงานและสินค้าอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบได้ทำเป็นทางลับ และเอาจริงแน่นอน

 

               อย่างไรก็ตามข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านสาธารณะไปนั้นขาดการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งได้แจ้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม รับทราบแล้ว

 

ตั้งข้อสังเกตขบวนการล้มรัฐบาล

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส กล่าวเพิ่มเติมหลังการแถลงข่าวว่า เข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง​ ถ้าวันหนึ่ง​ประชาชนไม่เอาเราแล้ว​ เราไม่มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองแล้ว​ ไม่ต้องปรับคณะรัฐมนตรี ยินดีจะไปทันที​ ตนไม่ได้มีอาชีพเป็นนักการเมือง​ เรื่องที่เกิดขึ้นได้รายงานให้นายกฯ ทราบตั้งแต่ช่วงเช้า​ ซึ่งท่านเป็นห่วงเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน​จะต้องมีการดำเนินคดีถึงที่สุด​ 

 

               “บุคคลที่เอาไปโพสต์ควรได้รับโทษ​ในสถานการณ์บ้านเมืองถ้าเปรียบเสมือนเกิดสงครามกับบ้านเมืองมาทำแบบนี้ถือว่าเป็นพฤติกรรมชั่วร้ายที่สุด ส่วนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ผมไม่เชื่อว่าเขามี เขาน่าจะเป็นคนขี้คุยขี้โม้มากกว่า​ หรืออีกอย่างหนึ่งบุคคลนี้ด่ารัฐบาลมาตลอด​ มีประสงค์อะไรหรือเปล่าเป็นที่น่าสังเกต​ ในขณะที่เขาด่ารัฐบาลมาตลอด วันนี้เขากลับมาอิงแค่คณะทำงานในการซื้อขายหน้ากาก​ มันไม่สมเหตุสมผล​ เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ทราบให้ได้​ ถ้าเป็นกระบวนการล้มล้างรัฐบาลก็ต้องเจอกันหน่อย”

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ร.อ.ธรรมนัส ได้ออกเอกสารชี้แจงว่าตามที่ปรากฏข่าวจากการเผยแพร่ของเพจแหม่มโพธิ์ดำว่าคนสนิทผู้ติดตามข้าพเจ้าได้กักตุนหน้ากากอนามัยจำนวน 200 ล้านชิ้น เพื่อขายต่อให้แก่นายทุนจีนและผู้อื่นนั้น ขอเรียนชี้แจง ดังนี้

 

               1.จากการตรวจสอบพบว่าผู้กักตุนและขายหน้ากากอนามัยคือ นายศรสุวีร์ ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับข้าพเจ้า 2.นายพิตตินันท์ เป็นคณะทำงานของข้าพเจ้า ได้ยืนยันกับข้าพเจ้าว่าได้ไปพบกับนายศรสุวีร์ตามคำแนะนำของเพื่อนเพื่อพูดคุยเรื่องหน้ากากอนามัยจริง แต่ไม่ได้มีการซื้อขายและไม่เคยรู้จักกับนายศรสุวีร์มาก่อน เป็นการพบกันครั้งแรก

 

               3.เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าได้ขอให้นายพิตตินันท์ไปแจ้งความดำเนินคดีนายศรสุวีร์ในความผิดฐานกักตุนหน้ากากอนามัยและขายสินค้าเกินราคา และในความผิดที่ถูกนายศรสุวีร์แอบอ้างนำข้อความไปโพสต์ดังกล่าว 4.อนึ่ง นายพิตตินันท์ เคยเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 สุราษฎร์ธานี พรรคพลังประชารัฐ ได้ขอมาเป็นคณะทำงานของข้าพเจ้าจริง แต่หากพบว่านายพิตตินันท์ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะให้ความร่วมมือดำเนินคดีนายพิตตินันท์ทันที

 

ปัดเอี่ยว-เข้าแจ้งความแล้ว

 

               ขณะที่ นายพิตตินันท์ ชี้แจงว่า ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีนายศรสุวีร์ ที่ สภ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ใน 2 ข้อหา คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และการกักตุนสินค้า รวมทั้งมอบให้ทนายความดำเนินการในกรณีที่มีการแอบอ้างชื่อ เพื่อดำเนินการให้เต็มที่ เนื่องจากทำให้เกิดความเสื่อมเสียทั้งตนและ ร.อ.ธรรมนัส

 

               ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับผู้ที่กักตุนหน้ากากอนามัย ไม่รู้เรื่อง และไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ได้พบกันเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นการตลาดของผู้ที่โพสต์เฟซบุ๊กที่ต้องการทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ ส่วนที่นายศรสุวีร์โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณในฐานะพี่ชายที่ทำให้เข้าใจกันได้ว่าสนิทสนมนั้น ความจริงคือไม่มีความสนิทสนม เคยพบกันเพียงครั้งเดียวและไม่เคยเจรจาหรือพูดคุยในเรื่องหน้ากาก จึงต้องว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย

 

               นายพิตตินันท์ กล่าวด้วยว่า ได้ยกเลิกการนัดแถลงข่าวที่ อ.ท่าชนะ ให้ถือว่าการแถลงข่าวของ ร.อ.ธรรมนัสเป็นที่สิ้นสุด ซึ่งหากแถลงไปเกรงว่าข้อมูลจะไม่ตรงกันและเกิดความสับสน ทั้งนี้หลังจากทราบว่ามีผู้นำภาพของตนไปโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวและนำมาซึ่งการขุดคุ้ยการกักตุนหน้ากากอนามัยเพื่อส่งออกไปยังประเทศจีน ตนจึงได้มีการพูดคุยกับนายศรสุวีร์ หรือบอย ให้นำภาพของตนออกเนื่องจากไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

 

               อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าได้ร่วมถ่ายภาพกับนายศรสุวีร์ แต่เป็นการไปพบปะธรรมดา ผ่านทางรุ่นน้องที่ชื่อกอล์ฟ ที่มีอาชีพชิปปิ้ง ซึ่งวันดังกล่าวนายกอล์ฟได้เดินทางมาพร้อมภรรยา ได้ชวนตนไปดื่มกิน และทราบว่ามีการเจรจาซื้อขายหน้ากากอนามัยกันจริงระหว่างนายศรสุวีร์กับรุ่นน้อง แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วย

 

บิ๊กตู่ไม่คุยธรรมนัสรอผลสอบ

 

               ที่กระทรวงพลังงาน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2563 โดยก่อนการประชุมผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีข่าวจากเพจดังออกมาแฉว่าทีมงานของ ร.อ.ธรรมนัส กักตุนหน้ากากอนามัยจำนวน 200 ล้านชิ้น เพื่อนำไปขายนายทุนประเทศจีนและผู้อื่น อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถาม แต่มีสีหน้าเคร่งเครียด

 

               ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทีมงานของ ร.อ.ธรรมนัส อาจเกี่ยวโยงกับการกักตุนหน้ากากอนามัยว่า จะไม่เรียก ร.อ.ธรรมนัสมาคุยและขอไม่คุยเพราะเรื่องนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ ถ้าผิดก็ว่ากันไปตามผิด เรื่องนี้เป็นเพียงข้อกล่าวหาที่ต้องตรวจสอบกันต่อไป ยืนยันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมแน่นอน

 

               ในส่วนของหน้ากากอนามัยขณะนี้ส่งเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบจุดที่มีการร้องเรียน 5 จุด รวมทั้งที่ จ.ชลบุรี ที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้ ยืนยันหากตรวจพบการทุจริตหรือมีปัญหาก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

               เมื่อถามย้ำว่า จะมีการตรวจสอบกรณีเพจดังออกมาระบุคณะทำงาน ร.อ.ธรรมนัส หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เห็นจากรายงาน เจ้าตัวได้ไปแจ้งความแล้ว ก็ไปว่ากันมาเรื่องนี้เดี๋ยวค่อยไปว่ากันอีกที

 

               “ให้เวลาทำงานตรวจสอบตามกลไกของกฎหมาย ต้องให้ความเป็นธรรมทุกภาคส่วน ไม่ใช่พูดอะไรกันมาก็บอกว่าผิดๆ ตั้งแต่ต้น อย่าเพิ่งไปว่าผิดหรือถูก ตอนนี้ต้องพิสูจน์ นั่นคือความเป็นธรรมบังคับใช้กฎหมาย” นายกฯ กล่าว

 

               ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ที่มีการพัวพันไปถึงรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้รู้สึกกังวลใจ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ให้ความสนใจและติดตามเรื่องนี้อย่างชัดเจนมาตลอด แม้จะมีการปล่อยข่าวลือออกมา แต่เรื่องจริงต้องฟังจากนายกรัฐมนตรีและกระทรวงพาณิชย์ ขอให้รอนายกรัฐมนตรีสั่งการในที่ประชุมครม.ในวันที่ 10 มีนาคมนี้ หากมีข้อสั่งการใดๆ กระทรวงยุติธรรมยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ ไม่ได้ขัดข้องอะไร

 

ตร.เร่งสอบคาดเป็นขบวนการ

 

               ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผบ.ตร.(งานกฎหมายและคดี) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีบุคคลใกล้ชิด ร.อ.ธรรมนัสถูกกล่าวหาสมคบกับพ่อค้าเพื่อกักตุนหน้ากากอนามัยและจำหน่ายเกินราคาว่า เรื่องแบบนี้มีความผิดจำหน่ายเกินราคาอยู่แล้ว ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้

 

               พร้อมกับย้ำว่าแม้เป็นคนติดตามรัฐมนตรี ตำรวจก็ไม่ละเว้นที่จะดำเนินคดี รวมทั้งขยายผลผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดเพราะเป็นการซ้ำเติมและฉกฉวยโอกาสในสถานการณ์โรคระบาดแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ได้ให้พื้นที่ลงไปตรวจสอบในเรื่องปริมาณหน้ากาก ซึ่งก็ต้องดูว่าเขาซื้อมาขาย มาส่งต่อหรือไม่

 

               “สินค้าเป็นล้านชิ้นต้องมีการวางแผนเป็นขั้นตอน แต่ก็ต้องรอการสืบสวน รอข้อเท็จจริงถึงจะวินิจฉัยได้ เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดแห่งคดีหรือสำนวนการสอบสวน ไม่อยากพูดคาดเดาไปก่อน เพราะจะสร้างความเสียหายให้แก่คนอื่นได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง” พล.ต.ท.จารุวัฒน์กล่าว

 

บุกบ้านพักเมืองชล-เค้นสอบ

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม กก.2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ เข้าตรวจสอบบ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้านภัทราวิลเลจ หมู่ 7 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายศรสุวีร์ที่แอบอ้างเป็นคนสนิทผู้ติดตาม รมช.เกษตรฯ และเป็น กต.ตร.สภ.หนองปรือ แต่ไม่พบตัวนายศรสุวีร์ พบเพียง น.ส.เอ (นามสมมุติ) แฟนสาว บอกว่านายศรสุวีร์ไปจันทบุรีตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมาและยังไม่สามารถติดต่อได้

 

               น.ส.เอ ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และคลิปดังกล่าวเป็นคลิปเก่านานแล้วก่อนจะประกาศ พ.ร.บ.ควบคุมหน้ากากอนามัย และที่บ้านก็ไม่มีใช้สักอัน ที่ในคลิปลงไปแค่อยากขายเท่านั้น ตอนนี้พยายามติดต่อนายศรสุวีร์แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ต้องให้นายศรสุวีร์มาชี้แจงเอง เท่าที่ทราบมาคาดว่าช่วงเย็นจะเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ

 

               “คลิปไลฟ์สดที่ประกาศขายหน้ากากนั้น เป็นคลิปเก่า และไม่ใช่ของตัวเอง แต่มันของโรงงานคนอื่น ซึ่งได้ถ่ายไว้ก่อนที่จะมีประกาศ พ.ร.บ.ควบคุม ที่ทำลงไปนั้นเพียงแค่อยากขายของเท่านั้น” น.ส.เอกล่าว

 

               ต่อมาเวลา 15.00 น. นายศรสุวีร์ได้เดินทางไปยัง สภ.หนองปรือ พร้อมปฏิเสธว่า ไม่ได้มีการส่งหน้ากากอนามัยไปจีนและคลิปที่เผยแพร่เป็นการกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ 

 

               “ผมไม่ได้ส่งหน้ากากให้แก่นายทุนในจีน ผมไม่มีอะไรจริงๆ เมื่อตอนเช้าผมก็ไปไหว้พระมา เมื่อคืนนี้ผมทราบข่าวก็เลยไปลงบันทึกประจำวัน ปัจจุบันผมทำอาชีพตลาดนัด วันนั้นในคลิปไปนั่งดื่มไวน์ ที่เห็นนั้นไม่ใช่คลังหน้ากากนามัย ผมแค่โชว์ออฟอวดเฉยๆ ไม่มีอะไร ผมทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์” นายศรสุวีร์กล่าว

 

นำตัวเข้าสตช.สอบปมโพสต์

 

               มีรายงานว่า พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภ.2 ได้เข้าสอบสวนนายศรสุวีร์ด้วยตนเอง พร้อมนำตัวไปตรวจค้นที่บ้านพักและจุดอื่นๆ ด้วย

 

               ต่อมาช่วงเย็นวันเดียวกัน พล.ต.ท.มนตรีได้นำตัวนายศรสุวีร์ หรือเสี่ยบอย ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยทันทีที่เดินทางมาถึง ตำรวจได้นำตัวขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นสำนักงานของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. โดยมีรายงานว่าได้สอบปากคำอย่างละเอียดถึงประเด็นที่มีการแชร์และไลฟ์เฟซบุ๊กว่ามีการกักตุนหน้ากากอนามัยกว่า 200 ล้านชิ้น เพื่อส่งไปขายที่ประเทศจีน

 

บุกค้นรง.ผลิตย่านรามอินทรา

 

               วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบบริษัทที่จัดจำหน่ายและนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ย่านรามอินทรา 86 เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ หลังปรากฏภาพกล่องหน้ากากอนามัย ที่นายศรสุวีร์โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว อ้างว่ามีสต็อกกักตุนอยู่ 200 ล้านชิ้น และพร้อมที่จะนำออกมาจำหน่ายได้

 

               จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทางบริษัทได้ให้ความร่วมมืออย่างดี พบว่ามีการผลิตหน้ากากอนามัยจริง โดยได้ส่งให้ร้านขายยาทั่วประเทศ 3,000-4,000 ร้าน โดยจำหน่ายตามปกติมานานแล้ว ก่อนที่กระทรวงพาณิชย์จะเข้ามาควบคุมราคา และจัดการจำหน่าย สำหรับกล่องสินค้าไปปรากฏในเฟซบุ๊กนายศรสุวีร์ได้อย่างไรนั้น ทางบริษัทไม่ทราบ ทั้งนี้ทางผู้บริหารบริษัทเตรียมชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดในเร็วๆ นี้

 

               มีรายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตามจุดต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 10 จุด หลังมีการโพสต์ภาพการกักตุนหน้ากากอนามัยหลายล้านชิ้น นอกจากนี้จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กของนายศรสุวีร์พบว่าโพสต์ภาพและคลิปเรื่องหน้ากากอนามัยตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 

ค้นอีกจุดแหล่งกักตุนหน้ากาก

 

               พล.ต.อ.สุวัตน์ เปิดเผยว่า การเชิญตัวนายศรสุวีร์มาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่เท่านั้น ยังไม่ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งจะต้องรอผลการตรวจค้น 6 จุดที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งที่บ้านนายศรสุวีร์ และโรงงานที่ไลฟ์สดว่าจะมีความผิดหรือไม่ ส่วนจะมีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือไม่นั้น ให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เป็นผู้ตรวจสอบต่อไป

 

               มีรายงานว่า ตำรวจ สน.หนองแขม และเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นสถานที่ตามที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์ว่าเป็นสถานที่กักตุนหน้ากากอนามัย ปรากฏว่าเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ปลูกติดกัน 10 คูหา อยู่ถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ แขวงหนองแขม เขตหนองแขม

 

               ที่บริเวณด้านหน้ามีป้ายที่ทำการพรรคการเมืองหนึ่ง และสถาบันพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการติดอยู่ด้านหน้า ประตูด้านหน้าปิดเงียบ มีรถยนต์จอดอยู่ 2 คัน พบรองเท้าถอดอยู่ด้านหน้าอาคารจำนวนหลายคู่

 

               จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกดังกล่าว เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ค้าหน้ากากอนามัยมักจะมารวมตัวในช่วงเช้าและเย็นจำนวนมาก และมักจะมีรถยนต์จอดอยู่สองฝั่งถนน ซึ่งถ้าหากใครจะเข้าไปภายในอาคารเพื่อรับสินค้า จะต้องมีคนภายในอาคารมาเปิดประตูให้เท่านั้น 

 

ระทึกป.ป.ช.จ่อสอบเข้าข่าย

 

               นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีนายพิตตินันท์ คณะทำงาน ร.อ.ธรรมนัส อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัยว่า เบื้องต้น ป.ป.ช.จะตรวจสอบว่าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเสนอผ่านที่ประชุมครม.และมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการหรือไม่

 

               เมื่อถามว่า หากเป็นการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ ป.ป.ช.จะตรวจสอบได้ใช่หรือไม่ นายวรวิทย์ กล่าวว่า ต้องดูว่าเป็นเรื่องการกระทำผิดต่อหน้าที่หรือไม่ รวมถึงดูแต่ละขั้นตอนว่ามีตำแหน่งอย่างเป็นทางการของการเมืองหรือไม่ จากนั้นค่อยดูว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ แต่หากตรวจสอบพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องเข้าสู่กระบวนการของ ป.ป.ช. โดยการตรวจสอบข้อมูลว่า เรื่องที่ทำนั้นเป็นการกระทำในตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ หรือเป็นการกระทำผิดที่อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.หรือไม่

 

               เมื่อถามย้ำว่า หากมีการนำตำแหน่งของรัฐมนตรีไปอ้างถือเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์หรือไม่ เลขาธิการ ป.ป.ช.ระบุว่า อย่าเพิ่งไปคาดการณ์ล่วงหน้า ขอให้รอดูข้อเท็จจริงเสียก่อน เพราะหากตรวจสอบพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ไปกระทำความผิด จะอยู่ในข่ายที่ ป.ป.ช.จะตรวจสอบ แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่

 

ยื่นชงปลดแก้หน้ากากไม่ได้

 

               วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน เพื่อเสนอแนะต่อ รมว.พาณิชย์ หรือนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ปลดอธิบดีกรมการค้าภายใน และรมว.พาณิชย์ ฐานไร้ประสิทธิภาพในการจำหน่ายจ่าย แจก หน้ากากอนามัยให้แก่สถานพยาบาล ร้านค้า และประชาชนทั่วไป

 

               โดยนายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การบริหารจัดการของกระทรวงพาณิชย์ ของกรมการค้าภายใน ไร้ประสิทธิภาพ เพราะว่าเรื่องนี้ทางรัฐบาลได้รับรู้ปัญหามาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 แต่ก็ไม่ได้มีการบริหารจัดการที่ชัดเจน ในขณะที่ทั่วประเทศยังขาดแคลนกันมาก โดยเฉพาะบุคลากรของโรงพยาบาลซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชนที่เข้าใช้บริการด้วย

 

               “ปัญหาการกักตุนหน้ากากอนามัยเป็นเรื่องที่หลายคนพูดกันหนาหูทำไมหน่วยงานรัฐไม่สามารถที่จะแจกหรือกระจายไปยังหน่วยงานหรือสถานร้านค้ารวมถึงร้านขายยาได้ แต่กลับมีการขายกันเกลื่อนในโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งในความรู้สึกของประชาชน

 

               นอกจากนี้อธิบดีกรมการค้าภายในยังออกมาพูดว่า ได้จำหน่าย หรือจ่าย แจกหน้ากากอนามัยให้แก่ร้านขายยาไปครบถ้วนแล้ว แต่ข้อเท็จจริงเมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) สมาคมร้านขายยาออกมาระบุว่าไม่เคยได้รับจากกรมการค้าภายในเลยแม้แต่ชิ้นเดียว แสดงให้เห็นว่าโกหกคำโตต่อประชาชนและเป็นการสร้างภาพให้ดูดีแก้ไขปัญหานี้มาโดยตลอด" นายศรีสุวรรณกล่าว 

 

จี้สอบเส้นทางเงินคนสนิทรมต.

 

               นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่ากรณีในโซเชียลมีเดียยังมีการเปิดเผยข้อมูลว่ามีคนสนิทของรัฐมนตรีท่านหนึ่งกักตุนสินค้ามากกว่า 200 ล้านชิ้น เชื่อว่าน่าจะเป็นขบวนการที่ใหญ่ คาดว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นเรื่องยากที่จะแสวงหาต้นตอว่ามีคนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ถ้าสืบตามเส้นทางการเงินก็น่าจะรู้ว่าบุคคลเหล่านี้มีแบ็กที่แท้จริง

 

               ซึ่งรัฐบาลต้องรีบแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว มิเช่นนั้นจะลุกลามบานปลายจนกระทบต่อรัฐบาล และถ้า รมว.พาณิชย์ และกรมการค้าภายใน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ บุคคลเหล่านี้ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในตำแหน่ง ควรเปลี่ยนคนใหม่ที่มีศักยภาพเข้ามาทำหน้าที่แทนเพื่อแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนของสังคมไทย

 

ถามองค์กรต้านโกงหายไปไหน

 

               ส่วนนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) โพสต์แสดงความเห็นในเฟซบุ๊กว่า “องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน” ที่ก่อตั้งในปี 2554 ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลประยุทธ์หายไปไหนกันหมด กรณีคนของรัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาลถูกกล่าวหาว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต ประพฤติมิชอบ ทำให้รัฐและประชาชนได้รับความเสียหาย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ก็ยังเงียบเฉยไม่ทำอะไรเลย

 

               อย่างกรณีล่าสุด มีการกักตุนหน้ากากอนามัย และมีชื่อของคณะทำงานรัฐมนตรีธรรมนัสคนหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ก็ยังเงียบเฉยอีกเช่นเคย ผู้ใดที่รู้ความจริงเบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับองค์กรนี้ ก็ช่วยกันเอาข้อมูลมาเปิดเผยด้วยครับ คนไทยจะได้ตาสว่างกันเสียที

 

“สิระ”ซัดซ้ำเติมจี้ฉีกหน้ากาก

 

               ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงกรณีกระแสข่าวที่มีบุคคลใกล้ตัวรัฐมนตรีเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัยนับล้านชิ้นว่า เรื่องดังกล่าวหากพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ไม่ว่าจะระดับไหน ก็ขอให้จัดการให้สิ้นซาก เพราะตอนนี้ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อน แม้กระทั่งตนเองเสียสละออกเงินไปซื้อเพื่อประชาชน ก็ยังโดนเอาเปรียบเอาหน้ากากที่ไม่มีคุณภาพมาหลอกขาย

 

               หากพบผู้เกี่ยวข้องเป็นนักการเมือง ก็ขอให้ฉีกหน้ากากผู้นั้นออกมา การแต่งตั้งผู้ช่วย ส.ส. หรือผู้ติดตาม ต้องกลั่นกรองไว้ก่อนว่า บุคคลที่เราใกล้ชิดนั้นเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกำหมายหรือไม่ ถ้าไม่กลั่นกรองแปลว่าไม่รับผิดชอบต่อสังคมหรือไม่ ทั้งนี้ ต้องเรียนถามกลับไปว่า ไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ เพราะมีบัตรที่เกี่ยวข้องกับตัวนักการเมือง

 

มาดามเดียร์อัดหากินบนทุกข์

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือมาดามเดียร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีการกักตุนหน้ากากอนามัย โดยระบุว่า “การฉวยโอกาสหากินบนความทุกข์ร้อนของผู้อื่นนั้นนับเป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างยิ่ง การร่วมแรงร่วมใจ เกื้อกูล รู้จักรับผิดชอบต่อส่วนรวมเป็นหนทางเดียวที่เราจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ จากเหตุการณ์ข่าวกักตุนหน้ากาก ขอให้รัฐบาล พรรค และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษผู้กระทำผิดโดยเร็วที่สุด”

 

2ดาราปัดเกี่ยวข้อง“ศรสุวีร์”

 

               วันเดียวกัน รายการโหนกระแส โดยนายกรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ได้สัมภาษณ์ “พีท ทองเจือ” กรณีในคลิปกักตุนหน้ากากพาดพิงถึงว่าเกี่ยวข้องด้วย โดยพีทระบุว่า ไม่ได้รู้จักกับนายศรสุวีร์แต่อย่างใด ยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ วันนั้นถ่ายละคร “ทะเลเดือด” อยู่ที่พัทยา

 

               ขณะกำลังรอเข้าฉาก นายศรสุวีร์ไลฟ์และบอกว่าให้ทักทายชาวพัทยา แวบเดียวที่เขาเดินมาหาเรา ไม่อยากเสียมารยาทก็เลยทักทายชาวพัทยาแค่นั้น อย่างไรก็ตามไม่ค่อยซีเรียสเพราะบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่ในแง่ที่โดนกระทบก็ต้องไปแจ้งความไว้

 

               เช่นเดียวกับ "เล็ก ไอศูรย์” ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ในเรื่องนี้ว่า รู้จักกับนายศรสุวีร์ในฐานะที่เขาทำร้านอาหารที่พัทยา คบกันมา 4-5 ปีแล้ว มาเยี่ยมกองถ่ายบ้าง ก็ให้ช่วยโปรโมทให้หน่อย ก็แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดว่าเป็นอะไรที่ใหญ่โต และเข้าใจผิดขนาดนี้ ยืนยันเราบริสุทธิ์ ไม่เคยขายหน้ากากเลย ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย

 

พณ.ยันบริหารหน้ากากโปร่งใส

 

               ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ แถลงเรื่องหน้ากากอนามัยว่า ชนิดที่ใช้เพื่อการแพทย์ เป็นหน้ากากอนามัยสีเขียว คือหน้ากากที่กำหนดราคาจำหน่ายปลีกไว้ชัดเจน ซึ่งไทยสามารถผลิตได้แค่ 11 โรงงานเท่านั้น และมีกำลังการผลิตเดือนละ 36 ล้านชิ้น เฉลี่ยวันละ 1.2 ล้านชิ้น

 

               และในบรรดาหน้ากากทั้งหมดที่เป็นหน้ากากทางการแพทย์สีเขียวเมื่อไปถึงร้านจำหน่ายปลีกจะขายปลีกได้ไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท ใครขายเกินราคา จะถูกจับกุมดำเนินคดี มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งอาจโดนข้อหาร่วมอีกข้อหาหนึ่งถ้าขายเกินราคา คือค้ากำไรเกินควร โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 

 

               ส่วนการจัดสรรหน้ากากอนามัย 7 แสนชิ้น กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)จะเป็นผู้รับผิดชอบ ระบายไปยังสถานพยาบาลทุกชนิดทุกประเภททุกหน่วย ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงสุด และกรมการค้าภายในจะบริหารจัดการ 5 แสนชิ้น ที่เหลือไปกระจายยังภาคส่วนต่างๆ เช่น ร้านขายยา การบินไทย ร้านธงฟ้า และร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าส่งที่อยู่ในระบบตลาด หากไม่เพียงพอต้องปรับตัวเลขทุกวัน

 

               ด้านนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวกรณีสมาคมร้านขายยาที่ออกมาระบุว่ายังไม่ได้รับการจัดสรรหน้ากากอนามัยว่า ที่ประชุมมีความเห็นว่าจัดการให้ร้านขายยา 25,000 ชิ้น ทางโรงงานต้องการจัดส่งให้ร้านขายยาโดยตรง ยืนยันไม่รวบมาเก็บเอง ต้องการให้ของถึงประชาชนให้ได้เร็วที่สุด

 

               ส่วนกรณีกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นส่งขายประเทศจีนนั้น ไม่เป็นความจริง และไม่ทราบว่าภาพดังกล่าวนั้นเป็นภาพเมื่อใด แต่ย้ำว่าหากมีการส่งออกแบบนี้จริงในสถานการณ์เช่นนี้ไม่อนุญาตให้ส่งออก หากพบจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาโดยไม่สนว่าเป็นใคร

 

               ขณะที่ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีโรงพยาบาลขาดแคลนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ว่า ได้ให้ผู้ตรวจราชการ สธ. 12 เขต ไปสำรวจสต็อกแต่ละโรงพยาบาลหากที่ไหนขาดให้เกลี่ยในพื้นที่เพื่อให้เพียงพอ

 

               โดยองค์การเภสัชกรรมได้ส่งครบตามจำนวนทุกวัน วันละ 4.3 แสนชิ้น และได้จัดส่งให้ผู้ตรวจราชการสธ.แต่ละพื้นที่วันละ 3 หมื่นชิ้น คาดว่าใน 2-3 วันจะถูกส่งไปยังสถานพยาบาลแต่ละพื้นที่ ส่วนโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทย์ และโรงพยาบาลเอกชน จะได้รับจัดสรรโดยตรงจากกรมการค้าภายใน

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ