ข่าว

"ช่อ" พบตำรวจ ปอท.เจอแจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพ์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตร. แจ้งข้อหา "ช่อ" อ่วมโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จ กมธ.แก้รัฐธรรม จ่อเชิญ 100 นศ. ร่วมถก ญัตติแก้ "แฟลชม็อบ" ส่อแท้ง ส.ส. ลงชื่อแค่ 3 คน

 

              เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 มีนาคม 2563 ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากรณีโพสต์เฟซบุ๊ก “Pannika Chor Wanich” เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2556 ระบุว่า “เห็นประโยคนี้แล้วโดน ต้องเอามาแชร์ ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปัยต์ อันมี….อาวุธ” กระทบความมั่นคง เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 โดยขอเลื่อนนัดจากวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่สะดวกเข้าพบตามนัดหมาย

 

 

 

แจ้งข้อหา “ช่อ” ทำผิด พ.ร.บ.คอมพ์

              น.ส.พรรณิการ์ กล่าวเปิดเผยหลังพบพนักงานสอบสวนว่า เบื้องต้นถูกแจ้งข้อกล่าวหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) การนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จน่าจะทำให้ตื่นตระหนก และกระทบต่อความมั่นคง โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและจะให้การเป็นเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งข้อหาดังกล่าวเคยอภิปรายในสภาเพราะเป็นประเด็นที่สร้างปัญหาเนื่องจากได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐตีความเอง โดยผู้ที่มาแจ้งความมาจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและบุคคลท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อความที่โพสต์เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา ประมาณ 6-7 ปีก่อนและเป็นภัยคุกคามประเทศแต่มองว่าภัยคุกคามคือการไม่ให้แสดงความคิดเห็นอย่างสุจริตส่วนการโพสต์แสดงความคิดเห็นดังกล่าวจะไม่ขอพูดถึง​ เนื่องจากเข้ากระบวนการยุติธรรมแล้ว​ ขอยืนยันว่าเป็นการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพ​อันได้รับการคุ้มครองตามหลักรัฐธรรมนูญ​

 

 

 

              อย่างไรก็ตาม ฝากถึงประชาชนนักเรียนนิสิตนักศึกษาที่ใช้เสรีภาพแสดงความไม่พอใจต่อสภาพสังคม ออกมาต่อสู้แสดงความคิดเห็นอย่างสุจริต เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แม้ตนจะไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ในฐานะประชาชนคนธรรมดาจะร่วมกันปกป้องเสรีภาพเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อประเทศไปสู่สังคมที่ดีกว่า และขอตั้งคำถามกับตัวเองว่าหากเราไม่เดินเข้าสู่เส้นทางการเมือง​จะมีคดีความต่างๆ เกิดขึ้นกับตัวเองหรือไม่​ โดยตนมีคดีอยู่ประมาณ​ 7​ คดี​ เป็นคดี พ.ร.บ.คอมพ์​ 1 คดี​ นอกนั้นเป็นคดีหมิ่นประมาท​ และคดีร่วมชุมนุมที่สกายวอล์ก

 

เผยญัตติแก้ “แฟลชม็อบ” ส่อแท้ง

              วันเดียวกัน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ญัตติที่ 3 ส.ส. พรรคการเมืองขนาดเล็กเข้าชื่อเพื่อขอให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มนิสิตนักศึกษาตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญ มาตรา 123 ซึ่งนำโดย นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธรรมไทย ตนได้รับเรื่องเมื่อวันที่ 5 มีนาคม และพบการลงลายมือชื่อเพียง 3 คน ดังนั้นถือว่าไม่เข้าตามกระบวนการที่ต้องใช้ ส.ส. เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกสองสภา อย่างไรก็ตามในกรณีของการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญนั้น ล่าสุดไม่พบความเคลื่อนไหวจากทั้ง ส.ส. และ ส.ว. แล้ว ขณะที่รัฐบาลไม่พบการส่งสัญญาณใดๆ ต่อเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ตามที่เคยแนะนำว่าหาก ส.ส. ต้องการให้เปิดควรปรึกษาฝั่งรัฐบาล

 

 

 

              ขณะที่ นายพิเชษฐ กล่าวว่า จะดำเนินการล่าชื่อ ส.ส. ยื่นเรื่องต่อนายชวน เพื่อขอให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการร่วมกับพรรคการเมืองขนาดเล็ก และกลุ่ม ส.ว. ทั้งนี้ ญัตติที่จะขอให้พิจารณาคือเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิค-19 เท่านั้น ส่วนการแก้ปัญหาแฟลชม็อบของนักศีกษานั้นจะไม่ดำเนินการ เพราะล่าสุดทราบว่ารัฐบาลเจรจาและมีความคืบหน้ามากแล้ว เบื้องต้นการยื่นญัตติต่อนายชวนนั้นคาดว่าจะยื่นได้ช่วงต้นสัปดาห์หน้า

 

พาชมห้องประชุมสุริยัน 1,209 ที่นั่ง

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา นายชวน และ นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภา พร้อมด้วยผู้บริหารข้าราชการสภาและสื่อมวลชน ได้ตรวจความพร้อมห้องประชุมสุริยัน ซึ่งเป็นห้องประชุมของส.ส.และห้องประชุมร่วมรัฐสภา โดยนายชวนได้ร่วมทดสอบระบบเสียงภายในห้องประชุม อาทิ ระบบไมโครโฟน ระบบเสียงสัญญาณเพื่อเรียกลงคะแนนหรือแสดงตน นายชวนกล่าวระหว่างทดสอบว่า เสียงดี ใช้ได้

 

 

 

              เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามระหว่างตรวจสอบระบบเสียงที่ระบุว่าการออกแบบเครื่องลงคะแนนจะป้องกันการเสียบบัตรแทนกันได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า มองว่าเป็นสำนึกรับผิดชอบของ ส.ส. เพราะเทคโนโลยีที่นำมาติดตั้งนั้นเป็นเพียงระบบอำนวยความสะดวกเท่านั้น และเมื่อห้องประชุมเสร็จเรียบร้อยและเข้าใช้งาน จะจัดโซนที่นั่งเพิ่มเติมจากเดิมที่แบ่งตามพรรคการเมืองแล้วจะกำหนดให้ ส.ส. นั่งตามหมายเลขที่กำหนดไว้ เพื่อสะดวกต่อการตรวจสอบในอนาคต และเครื่องเสียบบัตรจะเป็นของใครก็ของคนนั้น

              ด้านนายสรศักดิ์ กล่าวว่า ที่นั่งในห้องประชุมสุริยันจำนวน 1,209 ที่นั่ง โดยแบ่งออกเป็นที่นั่งสำหรับ ส.ส. จำนวน 800 ที่นั่ง และส่วนของ ครม. 59 ที่นั่ง ส่วนชั้นลอยซึ่งเป็นที่สำหรับประชาชนที่เข้ามาเยี่ยมชมสภาอีก 350 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ส.ส. ยังสามารถเสริมเพิ่มได้อีก สำหรับกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งตามสเปคเดิมกำหนดไว้ 27 ตัว สำหรับค่าน้ำค่าไฟทั้งรัฐสภาต้องใช้งบประมาณถึงปีละ 425 ล้านบาท ดังนั้นสภาจึงต้องหารายได้เข้ามาเสริม และเนื่องจากสภามีห้องรับรองสามารถจุคนได้เป็นพันคน อาจให้ใช้เป็นสถานที่จัดสัมมนาหรือจัดงานแต่งงานได้ โดยทั้งหมดเตรียมขออนุญาตจากระทรวงการคลังแล้ว

 

 

 

เชิญทหารแจงปมการพักบ้านพัก

              เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม โฆษกคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุม กมธ. ซึ่งมี นายสุทัศน์ เงินหมื่น ที่ปรึกษา กทม. ทำหน้าที่ประธานแทน นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตประธาน กมธ. ว่าที่ประชุมได้พิจารณาปัญหาและผลกระทบจากการกราดยิงของทหารที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา รวมถึงหลังเกณฑ์ ข้อกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจในกองทัพ โดย กมธ. ได้เชิญ ผบ.ทบ. ซึ่งได้ส่งตัวแทนมาชี้แจง รวมถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ส่งตัวแทนเป็นรองแม่ทัพภาค 2 มาแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก และผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 เข้าร่วมประชุมด้วย โดย กมธ. ได้เน้นหนักในเรื่องการจัดสวัสดิการ และหลักเกณฑ์การนำสวัสดิการที่ได้รับการจัดสรร ซึ่งที่ผ่านมา ผบ.ทบ. ระบุว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ถูกต้องนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างไร รวมถึงการดำเนินการย้ายออกจากบ้านพักสวัสดิการเพื่อให้บ้านพักมีเพียงพอสำหรับทหารชั้นผู้น้อย และหลักเกณฑ์สามารถมีกรณีที่ให้ใช้เพื่อแสวงประโยชน์เชิงพาณิชย์การให้เช่าได้หรือไม่ เพื่อป้องกันสาเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเหมือนกรณีของจ่าคลั่งได้

 

 

 

กมธ. จ่อเปิดสภาฟังความเห็น 13 มี.ค.

              ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 สภาผู้แทนราษฎร และ นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ร่วมกันแถลงถึงแนวทางในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

              นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในวันที่ 7 มีนาคมนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญจะเข้าไปร่วมรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก จากนั้นจะมีการจัดเวทีสัมมนากลุ่มตามลำดับ ประกอบด้วย 1. กลุ่มพิการ วันที่ 9 มีนาคม 2. กลุ่มประชาสังคม วันที่ 10 มีนตาคม 3. กลุ่มสตรี วันที่ 10 มีนาคม 4. กลุ่มแรงงาน วันที่ 11 มีนาคม 5. กลุ่มผู้สูงอายุ วันที่ 18 มีนาคม 6. กลุ่มพรรคการเมือง 19 มีนาคม และ 7. กลุ่มชาติพันธุ์ วันที่ 24 มีนาคม อย่างไรก็ตามในวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) จะมาสภา คณะ กมธ. จึงเห็นว่าเราจะเชิญให้พวกเขามาแสดงความคิดเห็นด้วยเพราะรัฐธรรมนูญเป็นวาระสำคัญของประชาชน และในวันเดียวกัน ช่วงบ่ายจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองด้วย

 

 

 

              ด้านนายชัยธวัช กล่าวว่า เมื่อมีกลุ่มนักศึกษาออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง คณะกรรมาธิการวิสามัญจึงมีความเห็นว่าควรประสานงานเชิญนักศึกษามาให้ความคิดเห็นต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดใหญ่ ทั้งนี้จะเร่งประสานงานผ่านองค์กรนักศึกษาและจะประสานงานไปยังกลุ่มอื่นๆ ที่ทำกิจกรรมทางการเมืองหรือแฟลชม็อบด้วย เบื้องต้นจะเชิญมาไม่เกิน 100 คน เป็นทั้งนักศึกษาใน กทม. และต่างจังหวัด

 

ปชป. หนุน “มีปัญหาปรึกษานายกฯ”

              วันเดียวกัน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ เฟซบุ๊กไลฟ์จากสภากาแฟร้านคุณมงคล ต.นาพรุ อ.พระพรหม กรณี พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปรับโหมด เปิดแนวรุกใหม่ด้วยการเปิดแคมเปญซีรีส์ “มีปัญหาปรึกษานายกฯ” เปิดทำเนียบรัฐบาลเพื่อรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนโดยตรง ว่าขอสนับสนุนโครงการดังกล่าวเพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์ นายกรัฐมนตรีจะได้สัมผัสพี่น้องประชาชนโดยตรง ซึ่งตัว พล.อ.ประยุทธ์ เอง พยายามจะปรับบทบาทใหม่ให้เหมือนกับนักการเมืองทั่วไปให้มากที่สุด จะใช้บุคลิกแบบพบง่ายใช้คล่อง หรือใจถึงพึ่งได้ ที่นักการเมืองหลายคนใช้หาเสียงกัน การเปิดทำเนียบเพื่อพบประชาชนเมื่อวานที่ผ่านมาเป็นการเตรียมการโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด เพราะเห็นว่าทั้ง 3 คนมีประสบการณ์งานมวลชนมาอย่างโชกโชน เพราะเป็นอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ มาหลายสมัย และเคยเป็น กปปส. มาก่อน จึงได้รับมอบหมายให้เปิดแนวรุกด้านมวลชนขึ้นมาใหม่

 

 

 

              “สิ่งที่พิสูจน์ได้ง่ายที่สุดก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ กล้าพบแกนนำผู้ชุมนุมที่มาร้องทุกข์ หรือชุมนุมหน้าทำเนียบหรือไม่ และการสัมผัสมวลชนที่กระทำได้ง่ายที่สุดก็คือช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการ หรือ ครม.สัญจร สามารถเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าพบอย่างใกล้ชิด ร้องทุกข์ด้วยตัวเองได้ง่ายที่สุด และต้องกำชับไม่ให้มีข้าราชการคอยกีดกัน หรือทีมรักษาความปลอดภัยคอยขัดขวาง และนายกฯ ควรปรับปรุงท่าที หรือความมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกว่านี้ ต้องไม่มีภาพเหมือนตอนนายกฯ พูดตะคอกใส่นายภรัณยู เจริญ ชาวประมง เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2560 ครั้งลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าของโครงการสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ที่ จ.ปัตตานี” นายเทพไท กล่าว

 

 

 

พท. อ้างเวิลด์แบงก์ซัด ‘บิ๊กตู่’

              วันเดียวกัน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เผยแพร่รายงานด้วยความเหลื่อมล้ำระบุประเทศไทยมีอัตราความยากจนเพิ่มขึ้นถึง 9.8 เปอร์เซ็นต์ ว่ารายงานนี้ออกมาในทิศทางเดียวกับหลายรายงานก่อนหน้านี้ของธนาคารโลกและองค์กรที่น่าเชื่อถือต่างๆ สวนทางกับคำประกาศของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศว่าภายในปี 2561 คนจนจะหมดไปจากประเทศ แต่ล่วงเลยมาถึงปี 2563 คนจนนอกจากจะไม่หมดไปแล้วกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คำแก้ตัวของรัฐบาล ท่องคาถาแต่เพียงว่า งบประมาณล่าช้า และมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่แปลกใจที่จำนวนผู้ถือบัตรคนจนเพิ่มขึ้นตลอด บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลที่ช่วยกันพายเรือให้พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจนั่ง จะพายกันต่ออีกนานแค่ไหน

 

 

 

              “การปรับ ครม.ไม่ช่วยอะไร คนไทยไม่หายจน คนได้ประโยชน์สูงสุดคือตัวพล.อ.ประยุทธ์เอง ที่จะเอื้อประโยชน์ต่อการสืบทอดอำนาจของตัวเองออกไปให้นานที่สุด ประเทศไทยในขณะนี้ถือว่าตกอยู่ในมหาวิกฤติ คือวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติการเมือง และวิกฤติกฎหมาย #ผนงรจตกม ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด คนไทยทั้งประเทศจะยอมจำนนเดินตามพล.อ.ประยุทธ์ กันต่อไปอีกนานแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ ใช้งบไปมหาศาล แต่ผ่านไป 6 ปี คนไทยนอกจากจะไม่หายจน กลับจนเพิ่มขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรับผิดชอบโดยการลาออก” นายอนุสรณ์ กล่าว

 

ฝ่ายค้านซักฟอกนอกสภา 12 มี.ค.

              วันเดียวกันมีรายงานว่าฝ่ายค้านเตรียมเปิดเวทีซักฟอกนอกสภาเวทีที่ 1 ในวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม เวลา 10.00 - 12.30 น ณ โรงแรมแลงคาสเตอร์ ภายใต้หัวข้อ “แฉกระบวนการ IO ฉีกหน้ากากขบวนการเพิ่มความขัดแย้ง” โดยมีผู้ร่วมเวที อาทิ 1. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย (พท.) จะมาพูดถึงยุทธศาสตร์ในการใช้ไอโอของทหาร แต่ปัจจุบันถูกนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยการใช้ในทางการเมือง 2. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ที่จะมาพูดเรื่องไอโอในส่วนที่ไม่ได้พูดในสภา โดยจะแฉเพิ่มนั่นเอง 3. นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย จะพูดถึงพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ใช้ในการปิดปากประชาชนและสร้างความแตกแยก

 

 

 

              นอกจากนี้ยังจะมี นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จะพูดถึงผลกระทบจากไอโอ และข้อเรียกร้องจากนานาชาติในเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้จะมีนักวิชาการที่มีความรู้และความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวร่วมบนเวทีด้วยอีกประมาณ 1-2 ท่าน โดยจะมีผู้ดำเนินรายการ คือ นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

 

หมอวรงค์แจ้งตำรวจจับ ‘เฟกนิวส์’

              วันเดียวกัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “วันนี้ 6 มีนาคม 2563 ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นายบรรจบ สุทธิรักษ์ Petchsri Wuttinimit และนายมวลชน กัลป์ตินันท์ ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก โดยเฉพาะนายมวลชน กัลป์ตินันท์ มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ดำเนินการส.ส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดอุบลราชธานี นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ได้ติดต่อมาขอสารภาพ ขอโทษ และยอมรับผิด”

 

 

 

ยื่น กกต. ยังไม่ต้องคำนวณ ส.ส. ใหม่

              เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายบุญยงค์ จันทร์แสง ประธานกลุ่ม 30 พรรคสหมิตร พร้อมด้วยแกนนำ ยื่นข้อเสนอต่อ กกต. หลังสังคมเกิดความสับสน กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้งตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรค 11 คน ที่เป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ ที่มีการเสนอให้กกต. เลื่อนลำดับบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองอื่นขึ้นมาแทนลำดับ เพื่อให้มี ส.ส. ครบในการทำหน้าที่ในสภา โดยนายบุญยงค์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาและไม่มีข้อกฎหมายใดๆ ที่กำหนดให้กกต.คำนวณคะแนนบัญชีรายชื่อใหม่ เพราะกฎหมายจะคำนวณใหม่ได้ก็ต่อเมื่อเกิดจากเหตุทุจริตการเลือกตั้งภายใน 1 ปี ซึ่งการที่ กกต. ไม่คำนวณคะแนนบัญชีรายชื่อใหม่เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว จึงมายื่นหนังสือให้กำลังใจ กกต. เพราะในกรณีที่จะคำนวณใหม่คือต้องรอกรณีใบเหลืองที่ กกต. ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง พิจารณาเรื่องการทุจริตเลือกตั้งของ นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส. เขต 5 สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งหากศาลชี้ว่าผิด กกต. จึงจะต้องคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อใหม่ทันที

 

 

 

              นายบุญยงค์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่าไม่เห็นด้วยกับการปรับ ครม. เพราะไม่รู้ว่าการปรับในครั้งนี้จะมีประโยชน์อะไร เพราะขณะนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโควิด-19 แฟลชม็อบของนักศึกษา แกนนำของหลายๆ พรรคพยายามกดดันให้มีการปรับ ครม. เพื่อให้ตัวเองมีตำแหน่งใน ครม. ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาทางเศรษฐกิจสูญเสียรายได้แสนกว่าล้านบาทในเรื่องการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ ประกอบกับงบประมาณที่จะใช้ในช่วงเดือนเมษายนก็ไม่ได้ช่วยอะไรในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพียงแค่พยุงให้อยู่รอด

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ