ข่าว

เตือนอีเมล "ข้อมูลด่วน CoronaVirus" จาก สธ. ปลอมอย่าคลิก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ถ้าเจออีเมลแจ้งเตือน "ข้อมูลด่วน CoronaVirus" ไม่ใช่ของกระทรวงสาธารณสุข อย่าคลิก อาจโดนขโมยข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์

 

              กระทรวงสาธารณสุข รายงานข่าวกรณี โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โรคโควิด-19 (COVID-19) ประจำวันที่ 5 มีนาคม 2563 (สถานการณ์ ถึงวันที่ 5 มีนาคม 2563 ณ เวลา 08.00 น.) 1. ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 15 ราย กลับบ้านแล้ว 31 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 47 ราย

อ่านข่าว - สุนัขฮ่องกงติดโควิด-19 จากเจ้านาย ย้ำ ให้กักกัน-อย่าทอดทิ้ง

 

 

 

              2. ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม - 4 มีนาคม 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 3,895 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 128 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 3,767 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 2,319 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,576 ราย

              3. สถานการณ์ทั่วโลกใน 80 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม -  5 มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 94,380 ราย เสียชีวิต 3,221 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 80,282 ราย เสียชีวิต 2,981 ราย

              โดย กระทรวงสาธารณสุข พบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เพิ่ม 4 ราย เป็นผู้เดินทางกลับจากประเทศอิตาลี 2 ราย และอิหร่าน 2 ราย ขอความร่วมมือคนไทยตระหนัก ไม่ตระหนก ก้าวผ่านวิกฤติการแพร่ระบาดของโรค ด้วยการมีสำนึกต่อสังคม และสังคมสมานฉันท์

 

 

 

              นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ว่า ในวันนี้ได้รับรายงานพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่ม 4 ราย รายที่ 1 เป็นชายชาวอิตาลี อายุ 29 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางมาจากประเทศอิตาลี เดินทางเข้าประเทศไทยวันที่ 1 มีนาคม 2563 เดินทางมารักษาด้วยตนเองที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 ด้วยอาการ ไข้ ไอ ส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลชลบุรี รายที่ 2 เป็นชายชาวไทย อายุ 42 ปี อาชีพพนักงานบริษัท มีประวัติเดินทางมาจากประเทศอิตาลี เดินทางเข้าประเทศไทยวันที่ 2 มีนาคม 2563 เดินทางมารักษาด้วยตนเองที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563 ด้วยอาการ ไข้ ไอ เจ็บคอ ทั้ง 2 รายนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน

 

 

 

              รายที่ 3 ชายชาวจีนอายุ 22 ปี เป็นนักศึกษา เดินทางมาจากประเทศอิหร่านเพื่อต่อเครื่อง เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2563 โดยเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่สนามบินสุวรรณภูมิตรวจพบ ไข้ ไอ น้ำมูก ในระหว่างการต่อเครื่อง จึงส่งรักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร รายที่ 4 ชายชาวไทย อายุ 20 ปี เป็นนักศึกษา เดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่าน เดินทางเข้าประเทศไทยวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 เดินทางมารักษาด้วยตนเองที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 ด้วยอาการไข้ มีน้ำมูก

              โดยสรุปวันนี้ มีผู้ป่วยยืนยันที่รักษาหายแล้ว 31 ราย ยังรักษาตัวอยู่ใน โรงพยาบาล 15 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยสะสมในประเทศไทยขณะนี้ 47 ราย สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 1 ราย ที่รักษาตัวอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร ตรวจไม่พบเชื้อแล้ว แต่ยังอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

 

 

 

เตือนอีเมล ข้อมูลด่วน CoronaVirus จาก สธ. ปลอมอย่าคลิก

 

 

 

เตือนอีเมล ข้อมูลด่วน CoronaVirus จาก สธ. ปลอมอย่าคลิก

 

 

 

เตือนอีเมล ข้อมูลด่วน CoronaVirus จาก สธ. ปลอมอย่าคลิก

 

 

 

              ตามที่ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงกลาโหม กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาสถานที่เพื่อเตรียมการจัดให้เป็น “พื้นที่ควบคุมโรค” รองรับผู้เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของภาครัฐ และเตรียมชุดปฏิบัติการในพื้นที่ควบคุมโรคทุกแห่งนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดทำหลักเกณฑ์ลักษณะสถานที่กักกัน (สถานที่ หรือ พื้นที่ควบคุมโรค) รองรับข้อสั่งการฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยหลักเกณฑ์นี้ประกอบไปด้วย การจัดสถานที่ การรักษาความปลอดภัย ห้องครัว ห้องพยาบาล ระบบจัดการขยะ สถานที่อำนวยความสะดวกอื่นๆ การจัดเจ้าหน้าที่ดูแลในแต่ละวัน

 

 

 


              ขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคต่อเนื่อง ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด กักกันตนเองอยู่ที่บ้าน / ที่พัก เป็นเวลา 14 วัน งดกิจกรรมทางสังคม ไม่ไปอยู่ในที่คนหนาแน่น หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านควรสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ เป็นสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ช่วยให้ประเทศไม่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคในวงกว้าง

              ในส่วนประชาชนทั่วไป ขออย่าได้รังเกียจผู้ป่วยหรือผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค โรคนี้ป้องกันได้ ด้วยการกินร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยหากจำเป็นต้องไปในที่ที่มีคนหนาแน่น ขอให้ตระหนัก ไม่ตระหนก เพื่อสังคมสมานฉันท์

 

 

 

              ทั้งนี้ คำแนะนำสำหรับประชาชน 1. ประชาชนที่มีประวัติเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่ที่มีการรายงานพบผู้ป่วย หลังเดินทางกลับประเทศไทยภายใน 14 วัน ถ้ามีอาการไข้ เจ็บคอ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูกไอ เสมหะ หายใจเร็ว หอบให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวม และมีอาการรุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิตได้

              2. ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศที่มีการระบาด และหากจำเป็นต้องเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด ขอให้หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย หลีกเลี่ยงไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิตการสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วย หรือตาย และ 3. ประชาชนทั่วไป ขอให้ดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศแปรปรวน ใช้มาตรการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากป้องกันโรค เวลาไอ จาม หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ

 

 

 

              ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข โพสต์ภาพข้อความ ถ้าเจออีเมล แจ้งเตือน "ข้อมูลด่วน CoronaVirus" ไม่ใช่ของกระทรวงสาธารณสุข นะคะ อย่าคลิก!

 

 

 

เตือนอีเมล ข้อมูลด่วน CoronaVirus จาก สธ. ปลอมอย่าคลิก

 

 

 

เตือนอีเมล ข้อมูลด่วน CoronaVirus จาก สธ. ปลอมอย่าคลิก

 

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ