
ทำเรือติดแอร์วิ่งคลองแสนแสบศรีบุญเรือง-มีนบุรี
กทม.ให้ กรุงเทพธนาคม บริหารจัดการเดินเรือส่วนต่อขยาย 2 สาย คลองแสนแสบ-ภาษีเจริญ งบลงทุน 100 ล. ฟุ้งทำเรือติดแอร์ เหมือนอัมสเตอร์ดัม ขีดเส้นเปิดพร้อมบีทีเอสสายวงเวียนใหญ่-บางหว้า ปี 54
(18ธ.ค.) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กทม.ได้มอบหมายให้บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด เป็นผู้บริหารจัดการเดินเรือ โครงการส่วนต่อขยายระบบขนส่งทางเรือในคลองแสนแสบจากท่าเรือวัดศรีบุญเรือง-ท่าเรือสำนักงานเขตมีนบุรี ระยะทาง 11 กิโลเมตร และคลองภาษีเจริญ จากบางแค-บางหว้า โดยบริษัทกรุงเทพธนาคม ได้สรุปรูปแบบเบื้องต้นแล้ว โดยเรือที่จะใช้วิ่งให้บริการจะเป็นเรือยนต์ปรับอากาศและมีหลังคา รูปแบบเดียวกับเรือที่ใช้วิ่งให้บริการในคลองของเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาบริษัทเอกชนมาดำเนินการประกอบเรือ ซึ่งมีผู้เสนอที่เป็นผู้ประกอบการในไทยแต่รูปแบบยังไม่มีความสมบูรณ์เพียงพอ ทั้งนี้มีราคาสูงถึงลำละ 2.5 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยังมีตัวเลือกที่น่าสนใจ คือประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีการใช้เทคโนโลยีการต่อเรือที่มีมาตรฐานยุโรป ราคาถูก และประกอบเรือได้รวดเร็ว ไม่เกิน1 ปี ทั้งนี้การตัดสินใจหาผู้ประกอบเรือทางบริษัทกรุงเทพธนาคมฯ จะเป็นผู้พิจารณา
ทั้งนี้ในแผนได้ระบุว่าในระยะนำร่องนั้นจะนำเรือมาทดลองวิ่งจำนวน 12 ลำ ค่าโดยสารเบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ 8-12 บาท สำหรับในการเดินเรือส่วนต่อขยายในคลองแสนแสบ กทม.ตั้งใจว่าจะเป็นการให้บริการประชาชนจากท่าเรือมีนบุรี-ผ่านฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้คาดว่าจะไม่มีปัญหาการแย่งผู้โดยสารกับทางบริษัทครอบครัวขนส่งที่เป็นผู้ประกอบการเดินเรืออยู่ก่อนแล้ว เพราะขึ้นอยู่กับความพอใจของประชาชนและตนคิดว่าหากกทม.ได้นำเรือที่มีคุณภาพมาให้บริการจะเป็นการจุดประกายให้ผู้ประกอบการเดินเรือรายอื่นพัฒนาเรือให้มีการบริการที่มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน
นายธีระชน กล่าวด้วยว่า สำหรับการเดินเรือในคลองภาษีเจริญนั้น เบื้องต้นตั้งเป้าจะเปิดให้บริการช่วงเดียวกับที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายสายสีลม วงเวียนใหญ่-บางหว้า เปิดให้บริการประมาณปี 2554 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทำการศึกษา ทั้งนี้หากเปิดเดินเรือในคลองภาษีเจริญ ไม่จำเป็นต้องทำประชาพิจารณ์ประชาชนที่อาศัยบริเวณริมคลอง เพราะตามระเบียบของกรมเจ้าท่า สังกัดกระทรวงคมนาคม ระบุว่าสามารถมีการทดลองวิ่งเรือได้ 3 เดือนโดยไม่จำเป็นต้องทำประชาพิจารณ์ ส่วนงบลงทุนทั้ง 2 สาย คาดว่าจะอยู่ในหลัก 100 ล้านบาทเท่านั้น