"บิ๊กแป๊ะ" แถลงจับ 5 ผู้ต้องหาร่วมสังหารกำนันเตี้ย | คมชัดลึก

 

               กรณีคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกเต็มใบ ขี่รถจักรยานยนต์ ทำทีไปขอซื้อเครื่องดื่มชูกำลังที่บ้าน นางกรรณิการ์ วงค์ศิริ อายุ 52 ปี กำนันตำบลผาตั้ง หรือ “กำนันเตี้ย” ในตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ก่อนใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม. ยิงขมับกำนันเตี้ยเสียชีวิตคาห้องครัว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

อ่านข่าว - เปิดปมคลั่ง "บ้านจัดสรรทหาร"

 

 

 

               ช่วงบ่าย วันนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2563) เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้นำรถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค สีดำ ทะเบียน สอ 8859 กรุงเทพมหานคร มาจอดที่ด้านหน้า กองบังคับการปราบปราม เพื่อเข้าตรวจค้นเก็บหลักฐาน โดยที่กระโปรงหลัง พบข้าวของเครื่องใช้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังพบว่า รถคันดังกล่าว เดิมทีเป็นรถสีน้ำเงิน แต่มีการติดสติกเกอร์สีดำรอบคัน ซึ่งเป็นรถที่ 2 คนร้ายไปติดต่อขอซื้อรถจักรยานยนต์เก่า ในตำบลคำด้วง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา

               คนหนึ่งรูปร่างท้วม อีกคนแต่งกายคล้ายตำรวจขับรถคันดังกล่าว โดยทั้ง 2 ซื้อรถจักรยานยนต์ไปในราคา 5,700 บาท พร้อมอ้างว่าจะนำไปให้คนงานใช้ในสวนยางพารา แต่หลังจากนั้น มือปืนได้นำรถจักรยานยนต์ไปก่อเหตุยิง นางกรรณิการ์ กำนันตำบลผาตั้ง เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จากนั้น มีคนพบรถจักรยานยนต์ถูกนำไปทิ้งที่อ่างเก็บน้ำห้วยสระคลองใหญ่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ห่างจากจุดเกิดเหตุ 16 กิโลเมตร

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

               ต่อมาช่วงเย็นวันเดียวกัน พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาคดียิงกำนันเตี้ย ภายในห้องสวัสดิการอาหารของกองบังคับการปราบปราม ซึ่งเป็นห้องกระจก โดยให้สื่อมวลชนเก็บภาพอยู่บริเวณข้างนอกเท่านั้น

 

 

 

               ในการสอบปากคำนั้น เจ้าหน้าได้ที่นำตัว นายสามารถ ทิพยศักดิ์ อายุ 57 ปี ผู้จ้างวาน นายสำริด สังข์สิงห์ อายุ 59 ปี ผู้จ้างวาน นายประสิทธิ์ อินทร์เนื่อง อายุ 55 ปี คนรับงานและดูแลมือปืนในพื้นที่ นายธนภูมิ พรหมมาตร อายุ 37 ปี มือปืน ส่วน นางสาวพนิดา จุนเด็น อายุ 31 ปี ภรรยานายธนภูมิซึ่งถูกจับกุมตัว แต่ไม่ได้ถูกพาตัวมานั่งสอบปากคำด้วย

               โดยระหว่างการสอบปากคำนั้น นายธนภูมิ มือปืน รับสารภาพว่า ก่อเหตุจริง แต่นายประสิทธิ์ คนรับงานกลับให้การปฏิเสธไม่รู้เห็นเรื่องนี้ ทำให้นายธนภูมิโกรธลุกขึ้นทุบตัวนายประสิทธิ์ โดยยังใส่กุญแจมืออยู่ด้วย ดีที่เจ้าหน้าที่ชุดหนุมานได้เข้ามาห้ามปรามไว้ได้ทัน โดยให้ทั้ง 2 สงบสติอารมณ์ ซึ่งการสอบปากคำนี้ใช้เวลา 15 นาที จึงแล้วเสร็จ ก่อนนำตัวไปแถลงข่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

               พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ได้กล่าวเปิดแถลงว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีคนร้ายใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม. ยิง กำนันเตี้ย เสียชีวิต หลังเกิดเหตุ ตนได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ ตนเองก็ได้ลงพื้นที่ จ.หนองคาย ในวันที่ 3 และ 11 กุมภาพันธ์ จนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ศาลจังหวัดหนองคายอนุมัติหมายจับ 5 ผู้ต้องหา ตำรวจจึงทำการจับกุมคนร้ายทั้งหมดในทันที

               โดยนายสามารถซึ่งเป็นอดีตกำนันตำบลสมอทอง อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถูกจับกุมได้ที่ จ.สุราษฎร์ธานี นายสำริดและนายประสิทธิ์ ถูกจับกุมได้ที่ จ.หนองคาย ส่วนนายธนภูมิและนางสาวพนิดาถูกจับได้ที่กรุงเทพฯ

               สำหรับมูลเหตุคดีนี้ เกิดจากผู้ตายทำหน้าที่ทวงคืนผืนป่า 120 ไร่ ในพื้นที่ ซึ่งถูกนำไปใช้ประโยชน์เป็นสวนยางพารา ซึ่งเมื่อถูกทวงคืนทำให้นายสามารถและนายสำริดซึ่งลงทุนปลูกยางพารากลายเป็นผู้เสียผลประโยชน์มหาศาล

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

               นอกจากนี้ ยังจะมีการทวงคืนผืนป่าในพื้นที่เพิ่มเติมอีก โดยผู้ตายมีส่วนช่วยจัดการเรื่องทวงคืนนี้ด้วย ยิ่งทำให้ผู้จ้างวานทั้ง 2 คน ไม่พอใจ และกลัวว่าถ้ามีการทวงคืนผืนป่าอีกจะได้รับความเสียหายมากกว่าเดิมอีก จึงวางแผนจ้างวานฆ่ากำนันรายนี้เสีย โดยนายสามารถรับทำหน้าที่เป็นคนจัดหาให้นายประสิทธิ์ไปหามือปืนต่อในราคา 2 แสนบาท โดยมีการจ่ายเงินบางส่วน ยังเหลืออีกส่วนที่ยังไม่ได้จ่าย

               ทั้งนี้ นายสามารถ นายสำริด นายประสิทธิ์ เป็นชาวสุราษฎร์ธานี แต่ทั้ง 3 คน ขึ้นไปทำสวนยางพาราที่จังหวัดหนองคาย และมีเรื่องกระทบกระทั่งกับผู้ตายเรื่อยมา เพราะผู้ตายเป็นคนตรง ทำตามหน้าที่ เมื่อนายประสิทธิ์ได้รับคำสั่งให้จัดหามือปืนก็รู้ว่าจะต้องติดต่อนายธนภูมิซึ่งเป็นมือปืนในจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้มารับงาน นายธนภูมิจึงพานางสาวพนิดาร่วมก่อเหตุด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

               จากการตรวจสอบประวัตินายธนภูมิ มือปืนในคดีนี้ พบว่า เคยต้องโทษคดียาเสพติดในเรือนจำมา 7 ปี โดยวิธีการก่อเหตุของมือปืนรายนี้คือจะใช้แฟนสาวขับรถไปรับตอนก่อเหตุเสมอเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

               เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ มีเพียงนายธนภูมิคนเดียวเท่านั้นที่รับสารภาพ ทางตำรวจจึงแจ้งข้อหา ร่วมกันเป็นผู้จ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองแก่นายสามารถและนายสำริด ส่วนนายประสิทธิ์ นายธนภูมิ และนางสาวพนิดา ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยนายธนภูมิยังโดนข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองด้วย

               วันนี้ (15 กุมภาพันธ์) เจ้าหน้าที่จะพาผู้ต้องหาทั้งหมดกลับไปจังหวัดหนองคาย และพรุ่งนี้ (16 กุมภาพันธ์) จะพานายธนภูมิไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และชี้จุดเกิดเหตุ ก่อนที่วันจันทร์ 17 กุมภาพันธ์ ตำรวจจะคุมตัวทั้งหมดส่งศาลจังหวัดหนองคาย ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป