ชาวบ้านแห่ขอน้ำมัน เกลี้ยงวัดหลังหนุ่มเอามือจุ่มแล้วไม่ร้อน

 

 

 

                          จากกรณีที่วัดโพธิ์เสด็จ หมู่ 8 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีการประกอบพิธีกวนข้าวมธุปายาส หรือข้าว ยาโค,ยาคู ซึ่งเชื่อว่าเป็นข่าววิเศษตามประวัติพุทธประวัติเรียกว่า “ข้าวมธุปายาส” ตามแบบโบราณประเพณีตั้งแต่วันที่ 2 – 3 ก.พ. 2563 ยาวนานข้ามวันข้ามคืนรวมระยะเวลากวนข้าวมธุปายาส 10.46 นาที โดเป็นข้าวทิพย์ที่นางสุชาดา บุตรีกฏุมพี มหาเศรษฐีแห่งบ้านเสนานิคม ณ ตำบลอุรุเวลา ประเทศอินเดียในสมัยพุทธกาล จัดปรุงขึ้นแล้วนำไปถวายพระมหาบุรุษก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากพระองค์ได้เสวยข้าวมธุปายาสของนางสุชาดา แล้วก็ได้ทรงบรรลุอภิสัมโพธิญาณในย่ำรุ่งของคืนนั้นเองชาวบ้านจึงเชื่อว่าข้าวมธุปายาสเป็นอาหารทิพย์ช่วยให้สมองดี เกิดปัญญาแก่ผู้บริโภค ทำให้ผิวพรรณผ่องใส อายุยืนยาว และเป็นโอสถขนานเอก บันดาลความสำเร็จให้แก่ผู้บริโภคด้วย

            (6 ก.พ.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีชาวพุทธทั้งในพื้นที่และที่เดินทางมาจากต่างอำเภอรวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาขอน้ำมันที่เหลือจากการกวนข้าวมธุปายาสและข้าวมธุปายาส หลังจากที่วัดโพธิ์เสด็จได้ประกอบพิธีกวนข้าวมธุปายาสเมื่อคืนวันที่ 2 ก.พ.ต่อเนื่องวันที่ 3 ก.พ. 2563 ได้ข้าวมธุปายาสหรือข่าว “ยาโค”จำนวน 108 ถาด ตัดบรรจุกล่องพลาสติกได้กว่า 2,000 ชุด รวมมั้งได้น้ำมันที่มาจากการกวนข้าวมธุปายาสอำจำนวนหนึ่งบรรจุขวดพลาสติกขนาดเล็กได้เกือบ 1,000 ขวดไว้แจกจ่ายพุทธศาสนิกชนในช่วงวันมาฆบูชา 8 ก.พ. 2563

 

 

     นายสมบัติ สัตย์ชัย เปิดเผยว่าในช่วงวันที่ 3-5 ก.พ.ที่ผ่านมาได้มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากทั้งในและต่างจังหวัดเดินทางมาขอรับน้ำมันและข้าวมธุปายาสที่วัดโพธิ์เสด็จอย่างต่อเนื่อง ตนพยายามชี้แจงว่าจะมีการแจกในวันมาฆบูชา ตรงกับวันที่ 8 ก.พ. 2563 แต่คนที่มาขอรับระบุว่ารับชมการไลฟ์สดตลอดในพิธีกวนข้าวมธุปายาส รวมทั้งติดตามข่าวทางสื่อมวลชน เห็นขั้นตอตพิธีการเข้มขลัง เอกอุเป็นไปตามแบบฉบับโบราณประเพณี เฉพาะการกวนข้าวที่ต้องใช้สาวพรหมจรรย์ 29 คนกวนเปนปฐมฤกษ์และดำเนินการอย่างต่อเนื่องนานข้ามวันข้ามคืนถึง 10.46 ชม. ประกอบกับช่วงใกล้เสร็จพิธีตนได้ตักน้ำมันร้อน ๆ จากกระทะใส่หม้อและมือจุ่มในหม้อน้ำมันร้อน ๆ แต่มือไม่พุพอง ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ทำให้เชื่อในพุทธคุณ บารมีจึงแห่เดินทางมาขอรับน้ำมันและข้าวมธุปายาสอย่างต่อเนื่องดังกล่าว มีบางรายขับรถมาจากกรุงเทพมหานคร บางรายยอมลงทุนนั่งเครื่องบินมาขอรับน้ำมันและขาวมธุปายาส

            ตนและเจ้าหน้าที่ในวัดไม่สามารถที่ขัดศรัทธาชาวพุทธที่เดินทางมาขอรับน้ำมันและข้าวมธุปายาสได้ จึงได้แจกให้ไปอย่างต่อเนื่อง จนในขณะนี้น้ำมันที่ได้จากการกวนข้าวมธุปายาสเหลือไม่มากนัก ส่วนข้าวมธุปายาสเหลือเพียงไม่กี่ร้อยกล่องเท่านั้น  ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเพียงพอกับชาวบ้านที่จะมาร่วมกิจกรรมประเพณีมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นห่มต้นพระศรีมหาโพธิ์ขนาดยักษ์กลางวัดโพธิ์เสด็จ ในคืนวันที่ 8 ก.พ.2563 หรือไม่ คนที่ไม่ได้รับแจกน้ำมันและข้าวมธุปายาสจะโวยวายหรือไม่อย่างไร จึงอยากจะชี้แจงให้ทราบและคนที่อยู่ใกล้วัดหรือไม่ไกลจากวัดมากนักแม้ในโอกาสนี้ไม่ได้รับแต่ในช่วงวันวิสาขบูชา ซึ่งจะมีการจัดงานครบรอบ 2 ปีการละสังขารของพระครูโพธิศาสน์ประศาลพระครูโพธิสารประสาธน์ อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เสด็จ ที่ละสังขารในวันวิสาขบูชา ปี 2561 และในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชาปีต่อ ๆไปทางวัดโพธิ์เสด็จกจะประกอบพิธีกวนข้าวมธุปายาสทุกปี คงไม่ยากลำบากที่จะมาขอรับน้ำมันและข้าวมธุปายาสในครั้งต่อ  ๆไป

 

 

 

 

 

             นายสมบัติ สัตย์ชัย กล่าวอีกว่า ผู้ที่เดินทางมาจากต่างพื้นที่ต่างรุมสอบถามตนในกรณีที่เอามือจุ่มในหม้อน้ำมันร้อน ๆ ไม่พุพอง ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ จริงหรือไม่ ตนยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง  ๆ และทราบครั้งแรกในพิธีที่ชาวโพธ์เสด็จ ไปประกอบพิธีกวนข้าวมธุปายาสในวนวิสาขบูชา บริเวณพุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยมีกำลังทหารมาช่วยกวนข้าวนานกว่า 10 ชม.และน้ำมันร้อน ๆ ในหม้อเกิดหกราดเท้าตนจนเปียกโชกท่ามกลางความตกจของทหารและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เตรียมจะพาตนขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล แต่สุดอัศจรรย์ เมื่อเท่าตนไม่พุพอง ไม่ได้รับอันตรายใดแม้แต่น้อย ที่สำคัญหลังเกิดเหตุไม่กี่นาทีเท้าตนที่โดนน้ำมันร้อน ๆ กลับรู้สึกเย็นเหมือนจุ่มอยูในน้ำแข็ง ในการกวนข้าวมธุปายาสครั้งนี้ตนจึงตั้งใจเอามือจุ่มลงในหม้อน้ำทนร้อน ๆ อีกครั้ง แต่ตอนแรกก็กล้า ๆ กลัว ๆ เหมือนกันเกรงว่ามือจะพุพอง ได้รับอันตรายอาจถึงขั้นมือหยิกงอพิการได้ แผลกราฏตามที่เป็นข่าวฮือฮาอยู่ในขณะนี้.

 

 

 

ภาพ/คลิป  ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช

ยุทธนะ  เตมะศิริ นครศรีธรรมราช