ข่าว

"ลุงมิ่ง" แยกทาง "เศรษฐกิจใหม่"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วิปรัฐยื่น "ชวน" ตีความญัตติเท็จ ซักฟอกส่อวุ่น พรรคร่วมตั้งองครักษ์พิทักษ์ "นายกฯ" - "ลุงมิ่ง" แยกทาง "เศรษฐกิจใหม่"

 

                วิปรัฐบาลยื้อเกมซักฟอก ยื่น "ชวน" ชี้ขาดญัตติฝ่ายค้านกล่าวหา "บิ๊กตู่" ฉีก รธน.ส่อเท็จ เคาะศึกซักฟอก 25-27 ก.พ.ห้ามโยงเรื่องอดีต พร้อมจัด 3 พรรคร่วมวางตัว “องครักษ์" มี ปารีณา-สิระด้วย "ลุงมิ่ง" แยกทาง "เศรษฐกิจใหม่" ขออยู่ฝ่ายค้านคนเดียว ลั่นไม่ลาออก ด้าน ส.ว.ออกกฎคุมเข้มสกัดเสียบบัตรแทน “ธนาธร” อ่วม ตร.ฟ้อง 5 ข้อหาคดีแฟลชม็อบ

 

อ่านข่าว เป้าถูกซักฟอก นายกฯเตรียมข้อมูลสู้ศึกอภิปราย

 

               เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และวิปรัฐบาล เปิดเผยว่า ได้เสนอต่อที่ประชุมวิปรัฐบาลให้อภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเวลา 3 วัน คือวันที่ 25-27 กุมภาพันธ์นี้ แล้วลงมติในวันที่ 28 กุมภาพันธ์

 

               เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 การลงมติมิให้กระทำในวันเดียวกับวันที่การอภิปรายสิ้นสุดลง ซึ่งการอภิปรายวันสุดท้ายคือวันที่ 27 กุมภาพันธ์ จะต้องเสร็จก่อนเวลา 24.00 น. ซึ่งวิปจากพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเห็นด้วย โดยจะส่งให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้รับทราบต่อไป

 

               “ผมและนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะเลขานุการวิปรัฐบาล ในฐานะวิปรัฐบาลได้ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ฝ่ายค้านแก้ไขข้อบกพร่องในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเพราะมีข้อบกพร่อง มีข้อความเท็จ และไม่เหมาะสม” นายสุชาติ กล่าว

 

รวม3พรรคร่วมวางตัว“องครักษ์”

 

               นายสุชาติ กล่าวอีกว่า พรรคร่วมรัฐบาลได้หารือกำหนดตัวบุคคลคอยประท้วงกรณีฝ่ายค้านอภิปรายนอกประเด็นไว้แล้ว โดยในส่วนของพรรค พปชร. จะมีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. รวมถึงตนเองด้วย

 

               โดยในการประชุม ส.ส.พรรคในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการพิจารณาความเหมาะสมเพิ่มเติม ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้วางตัวนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ส่วนพรรคภูมิใจไทย มีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ

 

               “ยืนยันว่า ส.ส.ในส่วนนี้ไม่ใช่เอาไว้แก้ต่างให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. เพราะเชื่อว่านายกฯ และรองนายกฯ สามารถชี้แจงได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว

 

               เราแค่คอยคุมเกมในสภาให้อยู่ในญัตติ เป็นองครักษ์พิทักษ์ฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของสภา ซึ่งจะลุกขึ้นประท้วงทันทีที่ฝ่ายค้านอภิปรายนอกประเด็น พูดตีกินรัฐบาล หรือย้อนเรื่องในอดีต” นายสุชาติ กล่าว

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา ตัวแทน 3 ฝ่ายคือตัวแทนรัฐบาล วิปรัฐบาล และวิปฝ่ายค้าน จะประชุมเพื่อวางกรอบและเวลาในแต่ละวัน โดยตัวแทนรัฐบาลและวิปรัฐบาลจะขอความร่วมมือในเนื้อหาในการอภิปราย จะต้องไม่วกวน ซ้ำซาก และอภิปรายไม่เรื่องของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาด้วย

 

วิปรัฐบาลพลิกยื้อเกมซักฟอก

 

               เวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า วิปรัฐบาลยื่นเรื่องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะประเด็นของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นญัตติเท็จ เพราะวิปรัฐบาลเห็นว่ามีข้อความอันเป็นเท็จขัดต่อข้อบังคับการประชุมสภาหรือเป็นญัตติที่ต้องแก้ไขปรับปรุง

 

               โดยเฉพาะประเด็นที่ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีพฤติการณ์ไม่ยึดมั่นและศรัทธาต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ล้มล้างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ และกระทำการให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยมีพฤติการณ์ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่ได้มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 

 

               ซึ่งตรงนี้เป็นข้อความอันเป็นเท็จอย่างชัดเจน เพราะตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรียังไม่เคยมีการฉีกรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ก็ยังใช้อยู่ และพล.อ.ประยุทธ์ ก็มาจากการเลือกตั้งตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญทุกประการ จึงชัดแจ้งว่าเป็นญัตติที่เป็นเท็จซึ่งขึ้นอยู่กับประธานสภาที่จะเป็นผู้พิจารณา

 

               เมื่อถามว่าหากเป็นเช่นนี้ฝ่ายค้านจะต้องยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจใหม่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ส่วนตัวคงตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับประธานสภาที่จะเป็นผู้วินิจฉัย ส่วนจะถูกมองว่าวิปรัฐบาลยื้อการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่สภาจะต้องหารือกัน

 

บิ๊กตู่ยันเตรียมข้อมูลพร้อม

 

               เวลา 10.45 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังพบปะกับกลุ่มเด็กและเยาวชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านการประกวดศิลปะโครงการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนด้วยศิลปะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส)
 

               โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน แต่กล่าวเพียงว่า “ไว้รอช่วงบ่ายทีเดียว หลังการประชุมสรุปสถานการณ์ไวรัสโคโรนา เช้านี้อยากให้ช่วยกันให้กำลังใจเด็กๆ จาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้”

 

               ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการเตรียมข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไว้อย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “การอภิปรายก็คงต้องเตรียมการไว้แหละนะ”

 

บิ๊กป้อมชี้พรรคร่วมทิศทางเดียวกัน

 

               เวลา 11.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศถึงการเตรียมความพร้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่ามีความหนักใจหรือไม่ ว่าไม่หนักใจอะไรเลย ก็ไม่มีอะไร จะไปทำอะไร ส่วนที่ถามว่าหากฝ่ายค้านอภิปรายในเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับงานที่รับผิดชอบนั้น ก็ตอบเรื่องจริงไป ก็ไม่เห็นมีอะไร ส่วนจะต้องจัดทีมหรือไม่นั้น ไม่ต้องทีมหรอก ไม่ต้องจัด

 

               เมื่อถามย้ำว่าคนเดียวรับมืออยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ไม่มีอะไร ไม่ได้ทำอะไร ทำแต่งาน” ส่วน ส.ส.พรรค พปชร. เตรียมจัดสมาชิกพรรคไว้ช่วยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้หรือไม่นั้น ไม่รู้ ส่วนจะต้องประสานขอความร่วมมือพรรคร่วมรัฐบาลให้ช่วยด้วยหรือไม่นั้น เป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องร่วมกัน ทุกพรรคต้องร่วมกันทำงาน แล้วต้องร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้อย่างไร

 

พปชร.ยันองครักษ์บิ๊กตู่เพียบ

 

               ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการเตรียมพร้อมส.ส.เป็นองครักษ์ช่วยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ว่าเรื่องดังกล่าวพรรคเตรียมพร้อมอยู่แล้วโดยมีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค พปชร. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล เป็นหัวหน้าทีม 

 

               ซึ่งขณะนี้ส.ส.ของพรรคเกินกว่า 20 คน ได้แสดงความประสงค์ที่จะอาสาทำหน้าที่ช่วยดูแลให้การประชุมสภาเป็นไปตามข้อบังคับ หากเกิดกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายนอกประเด็น ก็ต้องช่วยกันชี้แจง ส่วนจะวางตัวส.ส.คนใดให้ช่วยสนับสนุนข้อมูลกับรัฐมนตรีคนใดและในเรื่องใดนั้น วิปรัฐบาลจะไปดำเนินการเพราะยังมีเวลาพิจารณาเนื่องจากประธานสภายังไม่ระบุวันและเวลาอภิปรายออกมา

 

วิษณุชี้แจงด้วยสุจริตคิดเกราะกำบัง

 

               นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ฝ่ายค้านเล็งจะอภิปรายไปถึงช่วงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำได้หรือไม่ ว่าอยู่ที่ประธานสภา และถ้าประธานสภาอนุญาตให้ถามก็ต้องมีคำตอบ ส่วนการเตรียมพร้อมในการชี้แจงนั้น ดูตามญัตติที่เขายื่น ที่ว่าเล่นพวก เอื้อประโยชน์ จะเล่นที่ไหน เอื้อประโยชน์ใคร ทุกคนต้องไปคิดดูเอง ถ้าไม่มีแสดงว่าอีกฝ่ายหนึ่งแต่งขึ้นมา แต่ถ้ามีทางให้แปลเช่นนั้นได้ก็เตรียมตอบ

 

                การอภิปรายคือการกล่าวหา อีกฝ่ายมีหน้าที่แก้ข้อกล่าวหา มีหลักฐานก็นำมาแสดง ในอดีตเคยมีรัฐมนตรีคนหนึ่งเคยถูกอภิปรายเรื่องความเคลื่อนไหวทางเงิน ทำเอาท่านงงเพราะไม่รู้เรื่อง เมื่อลงมติผ่านไปมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบย้อนหลัง สุดท้ายจบไม่มีอะไรเพราะเป็นของปลอม ดังนั้น หลักคือต้องชี้แจง ซึ่งเชื่อว่า “สุจริต คือเกราะบัง ศาสตร์พ้อง”

 

“สนธิรัตน์”ปลื้ม“ปชป.”ช่วยสู้ศึกซักฟอก

 

               นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กำชับให้ส.ส.พรรคช่วยรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่ารู้สึกปลาบปลื้มที่พรรคประชาธิปัตย์มอบนโยบายให้ส.ส.พรรคช่วยรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้อยู่ในกรอบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์สองเท่านั้น 

 

               นี่คือสิ่งที่สะท้อนว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์มีเอกภาพ ถึงแม้รัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกเสนอชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจแต่ก็พร้อมช่วยกันทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อว่า ประสบการณ์ของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะช่วยทำให้การชี้แจงของรัฐบาลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และมั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคก็พร้อมทำหน้าที่ช่วยกันชี้แจงหากการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านไม่วางอยู่บนข้อมูลข้อเท็จจริงหรือออกนอกประเด็น

 

“สุทิน”ลั่นซักฟอกยุค“คสช.”แน่นอน

 

               ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ได้นัดหมายวิป 3 ฝ่าย ทั้งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประธานวิปฝ่ายค้าน และประธานวิปรัฐบาล เข้าหารือในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 9.00 น. เพื่อกำหนดวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 

 

               โดยฝ่ายค้านอยากเรียกร้องให้บรรจุวาระการพิจารณาในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพราะหากบรรจุวาระในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนปิดสมัยการประชุมจะเป็นการกดดันการทำงานของทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล จะทำให้การอภิปรายไม่มีคุณภาพ และประชาชนจะผิดหวังต่อการติดตามการอภิปรายครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีการอภิปรายแบบนี้มานานกว่า 6 ปีแล้ว

 

               “วิปฝ่ายค้านจะประชุมในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เพื่อกำหนดตัวผู้อภิปรายเป็นรายประเด็น เบื้องต้นจะให้มีผู้อภิปรายทั้งหมด 20-25 คน โดยหนึ่งในนั้น คือ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่เคยหารือกับฝ่ายค้านในเบื้องต้นว่าจะขอเวลาในการอภิปราย 2 ชั่วโมง เพื่อซักฟอกในประเด็นเรื่องของเศรษฐกิจ 

 

               ทั้งนี้มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงที่เนื้อหาการอภิปรายจะต้องย้อนหลังไปถึงการทำงานตั้งแต่สมัยรัฐบาล คสช. เพราะเป็นสารตั้งต้นในการกระทำความผิด ซึ่งรัฐบาลจะปฏิเสธเรื่องดังกล่าวไม่ได้และประชาชนเองก็อยากจะให้ฝ่ายค้านอภิปรายเพราะตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีการตรวจสอบใดๆ เลย” นายสุทิน กล่าว

 

‘ลุงมิ่ง’แถลงขอแยกทาง‘เศรษฐกิจใหม่’

               เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ห้องแถลงข่าวรัฐสภา นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ แถลงจุดยืนทางการเมืองภายหลังนายสุภดิช อากาศฤกษ์ รักษาการหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ทำหนังสือถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แจ้งถอนตัวจากพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อทำงานอิสระตามแนวทางของพรรค เมื่อวันที่ 31 มกราคม ว่าเมื่อประกาศว่าจะไม่อยู่ฝั่ง คสช. ก็ต้องอยู่อีกฝั่งหนึ่ง 

 

               ดังนั้นเชื่อว่าคนที่เลือกพรรคเศรษฐกิจใหม่กว่าครึ่งล้านคนก็มาจากปัจจัยนี้ แต่ปรากฏว่าในการโหวตเรื่องที่สำคัญนั้น 7 พรรคฝ่ายค้านมีมติออกมา ถ้าเป็น 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ต้องทำตามนั้น แต่ปรากฏว่า ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่โหวตสวนพรรคร่วมฝ่ายค้านหมด ทั้งๆ ที่ประชุมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านมาแล้ว 
 

               “ผมหวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะโดนด่า ผมจึงขอแถลงให้ชัดเจนว่าในเมื่อทางพรรคระบุว่ามีการประชุมกรรมการบริหารพรรคและประกาศท่าทีแบบนี้ อีกทั้งรัฐธรรมนูญก็ระบุว่าส.ส.ไม่จำเป็นต้องทำตามมติพรรค

 

                เพราะฉะนั้นขอยึดมั่นเอาคำพูดที่ได้หาเสียงในช่วงการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ว่าจะอยู่กับพรรคร่วมฝ่ายค้าน แม้จะเป็นคนเดียวในพรรคเศรษฐกิจใหม่ก็จะยืนอยู่ เพราะผมขอยึดมั่นคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนที่เลือกเข้ามาจำนวนเกือบๆ ครึ่งล้านเสียง หากทางพรรคจะทำอะไรก็ตาม ผมไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย” นายมิ่งขวัญ กล่าว

 

ลั่นไม่ขอลาออก-ขออภิปราย

 

               เมื่อถามว่าได้ประกาศเด็ดขาดแต่กลับไม่ลาออก นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ถ้าลาออกวันนี้ก็ไม่มีสิทธิอภิปรายไม่ไว้วางใจ และคนจำนวนครึ่งล้านเลือกเข้ามา ถ้าลาออกคนครึ่งล้านจะคิดอย่างไร และไม่ได้ยึดติดกับการเป็นรัฐบาล เรื่องลาออกถ้าพูดตรงๆ ก็ไม่ได้ยึดติด แต่ถ้าได้ทำประโยชน์ให้ประชาชนจะให้ทำต่อหรือไม่ หรือถ้าอยากให้ออกก็ให้พรรคเศรษฐกิจใหม่ขับออกได้และคงไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน

 

               “ผมได้ทำอะไรของผมในระดับหนึ่งแล้ว ถ้าไม่ขับออกก็อยู่กันไปอย่างนี้ตามจุดยืนของผม การลาออกง่ายนิดเดียว แค่เขียนเอกสารก็ลาออกได้แล้ว แต่ผมจะไม่ปฏิบัติตามมติของพรรคที่ไม่ได้รักษาคำพูดที่ให้ไว้ สิ้นสุดอายุสภานี้วันไหนผมไปอยู่ที่อื่น” นายมิ่งขวัญ กล่าว

 

ส.ว.ถกกฎเข้มเสียบบัตรแทนกัน

 

               เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายศุภชัยแจ้งต่อที่ประชุมว่าสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการเก็บรักษาบัตรลงคะแนน เพื่อวางมาตรการป้องกันการเสียบบัตรลงคะแนนโดยมิชอบ มีสาระสำคัญคือให้ ส.ว.เก็บบัตรลงคะแนนไว้กับตัว และนำบัตรมาด้วยทุกครั้งที่มีการประชุม ส.ว. จะไม่มีการทำบัตรสำรองแก่ ส.ว. 

 

               หาก ส.ว.คนใดไม่นำบัตรลงคะแนนมา และต้องแสดงตน หรือลงมติ ขอให้ ส.ว.ใช้วิธียกมือเพื่อแสดงตนและใช้สิทธิลงมติในที่ประชุมแทน นอกจากนี้ขอให้ ส.ว.นำบัตรลงคะแนนออกจากเครื่องลงคะแนนทุกครั้ง และนำติดตัวไปทุกครั้งเมื่อออกจากห้องประชุมเพื่อป้องกันการเสียบบัตรแทนกันโดยมิชอบ หากใครลืมบัตรทิ้งไว้ในเครื่องลงคะแนนเจ้าหน้าที่จะเก็บบัตรไว้ชั่วคราว และติดต่อให้ ส.ว.คนนั้นไปรับบัตรคืนภายหลัง โดยเจ้าหน้าที่จะทำบันทึกเก็บไว้ว่าใครเสียบบัตรคาไว้

 

วันชัยแฉมีส.ว.เสียบบัตรแทนกันด้วย

 

               ขณะที่นายวันชัย สอนศิริ  ขอหารือถึงกรณีการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นห่วงเรื่องการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันมาก จึงนำเรื่องมาหารือในที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) และมีการออกระเบียบให้ ส.ว.ทุกคนเก็บบัตรลงคะแนนไว้กับตัว ไม่ให้ฝากไว้ที่เจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันการเสียบบัตรแทนกัน 

 

               แม้ ส.ว.ยังไม่เคยมีปัญหาเรื่องดังกล่าว แต่หลังจากเกิดเหตุเสียบบัตรแทนกันในสภาผู้แทนราษฎร และมีคลิปออกมามาก ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีใครแอบถ่ายอะไรไว้ก่อนหน้านี้อีกหรือไม่ ทราบจากเพื่อนสมาชิกบางคนที่เราปรารถนาดีต่อกัน เห็นพรรคพวกไปประชุมกรรมาธิการ กำลังวิ่งมา แต่ได้รับแจ้งจากเพื่อนสมาชิกว่า “ผมกดให้แล้วครับ” ถ้าไม่เป็นเรื่องก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นเรื่องก็จะมีปัญหา ดังนั้นระเบียบที่วุฒิสภาออกมาถือว่ามีความรอบคอบ รัดกุม ในการป้องกันเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน

 

“พรเพชร”ลั่นต้องเอาผิดเสียบบัตรแทน

 

               เวลา 15.15 น.ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า การบังคับใช้พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 อาจจะกระทบต่อการใช้เงินแผ่นดิน เพราะอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ แต่หากดูจากการดำเนินการของศาลรัฐธรรมนูญก็น่าจะเร่งรัด เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนของประเทศชาติ ไม่ทราบว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 จะถูกตีตกทั้งฉบับหรือไม่ ต้องดูการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

 

               แต่ส่วนตัวมองว่าแนวทางการวินิจฉัยเป็นไปได้ 2 แนวทาง คือ 1.ศาลเห็นว่ากระบวนการออกกฎหมายไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้วทำให้ร่างกฎหมายต้องตีตกไปทั้งฉบับ หรือ 2.กระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่อาจไม่ตีตกทั้งฉบับ ขึ้นอยู่กับศาลจะเห็นว่ากระบวนการนี้กระทบต่อเนื้อหาสาระของร่างกฎหมายหรือไม่ 

 

               ขณะนี้ขออย่าเดาผลการวินิจฉัย แต่ที่ผิดแน่นอนอยู่แล้วคือการเสียบบัตรแทนกันนั้น เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมายและจะต้องถูกเอาผิดทั้งโทษทางวินัยและทางอาญา ซึ่งสมาชิก ส.ว.ยังไม่พบพฤติกรรมดังกล่าว มั่นใจว่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะได้กำชับสมาชิกไปแล้วว่าบัตรลงคะแนนสำคัญกว่าบัตรเอทีเอ็มด้วยซ้ำ

 

นิพิฏฐ์ชี้เสียบบัตรแทนคืออนันตริยกรรม

 

               วันเดียวกัน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง “อนันตริยกรรม ของนักการเมือง” มีเนื้อหาระบุว่า ในทางพระพุทธศาสนา อนันตริยกรรม หมายถึงกรรมหนักที่สุด ไม่ว่าใครทำทั้งบรรพชิตและฆราวาสต้องตกนรกขุมหนักที่สุด 

 

               หากเป็นพระก็ถือเป็นปาราชิกขาดจากความเป็นพระทันทีและไม่สามารถกลับมาบวชใหม่ได้อีก นักการเมืองก็เช่นเดียวกัน กระทำความผิดบางอย่างก็ถือเป็นความผิดร้ายแรง ถูกตัดสิทธิตลอดชีวิตไม่สามารถกลับมาเป็นนักการเมืองได้อีก พูดได้ว่าเป็นอนันตริยกรรมในทางการเมืองก็ว่าได้

 

               “เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเวลาเลือกนักการเมืองเป็นการเลือกด้วยความไว้วางใจว่า บุคคลที่เราเลือกสามารถใช้ “ดุลพินิจ” ในการตัดสินใจแทนเราได้ สามารถใช้ “ดุลพินิจ” แทนผู้ที่เลือกได้อย่างเหมาะสม จึงเป็นเหตุผลสำคัญในทางปรัชญาการเมืองที่ประชาชนใช้เป็นเหตุผลในการเลือกตัวแทนของตน (เว้นแต่ประชาชนใช้เหตุผลอย่างอื่นในการเลือกตัวแทน) 

 

               เมื่อตัวแทนไม่ทำหน้าที่ใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจในสภาแทนประชาชน แต่ตัวแทนกลับมอบสิทธินั้นให้บุคคลอื่นที่ประชาชนไม่ได้เลือกให้ตัดสินใจแทน เช่น กรณีเสียบบัตรแทนกันก็ถือว่าตัวแทนคนนั้นได้ละเมิดต่อความไว้วางใจของประชาชน เป็นการกระทำอนันตริยกรรมในทางการเมือง แม้สวมเครื่องแบบส.ส.อยู่ ก็เหมือนผ้าเหลืองที่นำไปห่มโคนต้นขนุน ก็ไม่ทำให้ขนุนต้นนั้นกลายเป็นพระไปได้ ประชาชนจะกราบไหว้ยังไง ก็เหมือนกราบไหว้ต้นขนุนที่ห่มผ้าเหลืองอยู่ดี”

 

“ธนาธร"ตร.ฟ้อง5ข้อหาคดีแฟลชม็อบ

 

               ที่สำนักงานอัยการพิเศษคดีศาลแขวง 5 (ปทุมวัน) ถนนพระราม 4 พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้นำสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องคดีร่วมกันชุมนุมโดยฝ่าฝืนกฎหมาย (แฟลชม็อบ) ที่มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พร้อมพวกรวม 4 คน ผู้ต้องหา มาส่งให้อัยการคดีศาลแขวงปทุมวันพิจารณา เพื่อมีความเห็นต่อไป 

 

               โดยนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ระบุว่า พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายธนาธรกับพวก รวม 5 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง, ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ

 

               ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และชุมนุมในรัศมีใกล้เขตพระราชฐาน 150 เมตร

 

               ด้านนายธนาธร กล่าวภายหลังว่า ยืนยันจะเดินหน้าลงพื้นที่พบปะประชาชนในลักษณะนี้เหมือนเดิม โดยไม่เบื่อที่จะขึ้นศาลหรือถูกดำเนินคดี เพราะสิ่งที่ทำอยู่เป็นเสรีภาพและเป็นการดำเนินการคู่ขนานกับการทำหน้าที่ของส.ส.ในรัฐสภา โดยอัยการนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 09.00 น.

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ