ข่าว

'บรูโน แฟร์นันด์ส' จิ๊กซอว์ที่ขาดหายของปีศาจแดง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดตัวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ บรูโน แฟร์นันด์ส กองกลางจอมทัพที่ย้ายจาก สปอร์ติง ลิสบอน มาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวรวม 80 ล้านยูโร และเซ็นสัญญากันเป็นเวลา 5 ปีครึ่ง

 

 

โดยดีลระหว่าง แฟร์นันด์ส กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น เรียกได้ว่าเป็นมหากาพย์ของการซื้อตัวผู้เล่นอีกรายหนึ่งของวงการลูกหนังในช่วงหลัง ซึ่งมาพร้อมวลีเด็ด “48 ชั่วโมง” โดยสื่อถึงช่วงเวลาที่แข้งรายนี้จะมาเซ็นสัญญากับทีมตั้งแต่ช่วงตลาดนักเตะซัมเมอร์ที่แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จนกระทั่งในตลาดนักเตะหน้าหนาวที่ “เร้ด เดวิลส์” ต้องการเสริมทัพผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์เป็นอย่างยิ่ง หลัง 2 กองกลางคนสำคัญของทีมอย่าง ปอล ปอกบา และสกอตต์ แมคโทมิเนย์ มีอาการบาดเจ็บยาว และส่งผลกระทบต่อผลงานของทีมในช่วงหลัง

\'บรูโน แฟร์นันด์ส\' จิ๊กซอว์ที่ขาดหายของปีศาจแดง

โดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พยายามยื่นข้อเสนอให้กับ ลิสบอน เพื่อซิว แฟร์นันด์ส มาเสริมแกร่งให้ได้ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ทว่าดีลกลับไม่คืบหน้าเนื่องจากทั้ง 2 ทีมไม่สามารถตกลงเรื่องค่าตัวของนักเตะได้ อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา “เร้ด เดวิลส์” ได้ยอมเพิ่มข้อเสนอเพื่อหวังปิดดีลกับแข้งรายนี้ให้ได้ก่อนตลาดนักเตะหน้าหนาวจะปิดตัวลง จนมาประสบความสำเร็จเมื่อวันที่ 31 ม.ค.

"ความรักต่อสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของผมเริ่มต้นตอนที่ผมได้เห็น คริสเตียโน โรนัลโด เล่นให้กับที่นี่ ซึ่งหลังจากนั้นผมก็เป็นแฟนตัวยงของสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ สำหรับผมการได้ย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม ซึ่งผมขอสัญญากับแฟนๆว่าผมจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยทีมประสบความสำเร็จ และคว้าแชมป์มาครองให้มากกว่านี้"

"นอกจากนั้นผมอยากจะขอขอบคุณ สปอร์ติง สำหรับทุกอย่างที่พวกเขามอบให้ผม ซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากที่ได้ยินคำพูดที่ดีเกี่ยวกับผมจากผู้เล่นที่เคยเล่นให้กับทีมนี้ รวมถึงขอขอบคุณ โอเล กุนนาร์ โซลชา เป็นอย่างมาก และทุกคนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สำหรับความไว้ใจในตัวผม และผมแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้ลงสนามร่วมกับทีม" แฟร์นันด์ส กล่าวหลังเซ็นสัญญา

หลายคนมองว่า แฟร์นันด์ส คือจิ๊กซอว์ที่จะเข้ามาเติมเต็ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยตำแหน่งการเล่น, ความสามารถเฉพาะตัว และสถิติต่างๆที่ผ่านมา

 

 

จากอิตาลีสู่โปรตุเกส

แม้จะเป็นนักเตะโปรตุเกส และเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ เบาวิสตา ตั้งแต่ชุดเยาวชนทว่า แฟร์นันด์ส กลับไม่เคยได้ขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่ของทีมเลย เนื่องจากเขาได้ตัดสินใจย้ายไปเล่นให้กับทีมอคาเดมีของ โนวารา ในประเทศอิตาลีขณะที่มีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น

ในช่วงแรก แฟร์นันด์ส ไม่สามารถปรับตัวในการใช้ชีวิตในแดนมะกะโรนีได้ และเกือบจะถอดใจในการเป็นนักเตะอาชีพ ถึงกระนั้น อนา ปินโต แฟนสาวซึ่งปัจจุบันเป็นภรรยาของเจ้าตัวได้ย้ายไปอยู่ด้วยที่อิตาลีทำให้เขาสามารถปรับตัว และพัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ

ด้วยผลงานที่ดีทำให้สุดท้าย อูดิเนเซ มาคว้าตัวเขาไปร่วมทีมในปี 2013 และได้ลงเล่นในศึกกัลโช เซเรีย อา ทันที ซึ่ง แฟร์นันด์ส ลงสนามในถิ่น สตาดิโอ ฟริอูลี อยู่ 3 ซีซั่นก่อนถูกปล่อยตัวไปให้ ซามพ์โดเรีย ในฤดูกาล 2016-17 ด้วยสัญญายืมตัว และมีออปชันซื้อขาด

โดยการย้ายมาอยู่กับ ซามพ์โดเรีย ทำให้ แฟร์นันด์ส ได้รับการจับตามองมากขึ้น เนื่องจากเขาได้สวมบทจอมทัพแบบเต็มตัว และทำไป 5 ประตูจาก 33 เกม และช่วยทีมจบในอันดับ 10 ของตาราง และฟอร์มที่เข้าตาทำให้อีกเพียง 1 ซีซั่นต่อมา สปอร์ติง ลิสบอน ได้จ่ายเงินจำนวน 7.2 ล้านปอนด์ (ราว 285 ล้านบาท) เพื่อดึงตัว แฟร์นันด์ส กลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดเป็นครั้งแรก และสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองจนกลายเป็นนักเตะที่แฟนบอลรู้จักไปทั่วโลกขณะนี้

\'บรูโน แฟร์นันด์ส\' จิ๊กซอว์ที่ขาดหายของปีศาจแดง

กลางจอมถล่มประตู

สาเหตุที่ทำให้ แฟร์นันด์ส กลายเป็นเป้าหมายหลักในการเสริมทัพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือเรื่องผลงานของเจ้าตัวที่โดดเด่นอย่างมากกับ ลิสบอน ตลอด 2 ฤดูกาลครึ่งที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องการสังหารประตูทั้งๆที่เป็นผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ เพราะเขาผลิตสกอร์ได้ถึง 63 ประตู จากการลงสนาม 134 นัดรวมทุกรายการ

นับตั้งแต่ฤดูกาล 2017-2018 แข้งวัย 25 ปี มีส่วนกับการทำประตูของทีมมากมาย โดยเฉพาะในศึกพรีเมียรา ลีกา ไม่ว่าจะเป็น สร้างโอกาสยิงมากที่สุด 239 ครั้ง (อันดับ 1 ของลีก), ยิงมากที่สุด 271 ครั้ง (อันดับ 1 ของลีก) และแอสซิสต์ 28 ครั้ง (อันดับ 2 ของลีก) ขณะที่รายการอื่นๆ เจ้าตัวก็มีสถิติที่ดีเช่นกัน ทั้ง โปรตุกีส คัพ ที่ทำไป 7 ประตูจาก 13 นัด, ลีก คัพ ที่ทำไป 5 ประตูจาก 13 นัด เป็นต้น

จากสถิติที่เกิดขึ้นทำให้ แฟร์นันด์ส น่าจะเข้ามาเติมเต็มเรื่องการทำประตูให้กับ “ปีศาจแดง” ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการยิงประตูจากนอกกรอบเขตโทษซึ่งเป็นสิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขาดหายไปนับตั้งหมดยุคของ พอล สโคลส์ อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ

\'บรูโน แฟร์นันด์ส\' จิ๊กซอว์ที่ขาดหายของปีศาจแดง

 

 

ผู้นำในสนาม

แน่นอนว่าการได้รับตำแหน่งกัปตันทีมในอายุเพียง 25 ปีนั้นเจ้าตัวต้องได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนร่วมทีม รวมถึงกุนซือว่ามีบุคลิกของการเป็นผู้นำสูง และเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีแม้จะสวมปลอกแขนแบบเต็มๆเพียงครึ่งซีซั่นเท่านั้น หลังมีความแข็งกร้าวในการปกป้องเพื่อนร่วมทีม และมักจะกระตุ้นทีมอยู่เสมอเวลาตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ

สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขาดนักเตะที่มีความเป็นผู้นำมาอย่างยาวนาน สังเกตได้จากกัปตันทีมของพวกเขาในช่วงหลังนั้นมักจะมีบุคลิกที่สงบ และไม่ค่อยดุดันเหมือนกับกัปตันในยุคก่อนๆ ทั้ง เอริค คันโตนา, รอย คีน และเวย์น รูนีย์ เป็นต้น

ส่งผลให้ แฟร์นันด์ส น่าจะเป็นแข้งที่ปลุกเร้าเพื่อนร่วมทีมได้ดีกว่าผู้เล่นหลายๆคนในทีมชุดปัจจุบันแม้จะไม่ได้รับปลอกแขนกัปตันทีมในทันทีก็ตาม

\'บรูโน แฟร์นันด์ส\' จิ๊กซอว์ที่ขาดหายของปีศาจแดง

ผู้เล่นสารพัดประโยชน์

แข้งทีมชาติโปรตุเกสรายนี้ สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองจากการเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เจ้าตัวถนัดมากที่สุด อย่างไรก็ตาม แฟร์นันด์ส สามารถปรับตัวเองไปเล่นในหลายๆตำแหน่งตามแผนที่กุนซือต้องการ

โดยเรื่องดังกล่าวส่งผลให้ดีต่อ โอเล กุนนาร์ โซลชา เฮดโค้ช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจะทำให้เขาสามารถปรับผังการเล่นได้อย่างหลากหลายหลัง แฟร์นันด์ส ย้ายเข้ามาร่วมทีม ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งกองกลางตัวรุกหมายเลข 10 ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีผู้เล่นคนใดของ “ปีศาจแดง” โชว์ฟอร์มได้ดี ไม่ว่าจะเป็น เจสซี ลินการ์ด, อันเดรส เปร์เรรา และฆวน มาตา

นอกจากนั้น แฟร์นันด์ส ยังสามารถเล่นในบทบาทมิดฟิลด์ฝั่งซ้ายหรือขวา ในตำแหน่งกองกลาง 3 คน และสลับเล่นเกมรุก และรับกับ ปอล ปอกบา และสกอตต์ แมคโทนิเนย์ ได้

“บรูโน แฟร์นันด์ส เป็นผู้เล่นที่คุมพื้นที่แดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการเติมเกมรุก และช่วยทีมเล่นเกมรับ นอกจากนั้นเขายังยิงไกล รวมถึงเล่นลูกนิ่งทั้งฟรีคิก หรือจุดโทษ ได้ดีอีกด้วย” ฟิลิปเป้ ดิอาส ผู้สื่อข่าวของ “โอ โชโก” สื่อดังของโปรตุเกสกล่าวกับ “สกาย สปอร์ตส”

\'บรูโน แฟร์นันด์ส\' จิ๊กซอว์ที่ขาดหายของปีศาจแดง

แน่นอนว่า แฟร์นันด์ส ต้องได้รับการคาดหวังจากแฟนๆ “ปีศาจแดง” ว่าจะเข้ามาช่วยยกระดับทีมให้ดีขึ้น ซึ่งต้องมาติดตามว่าเขาจะจะสามารถระเบิดฟอร์มเก่งเหมือนตอนค้าแข้งในโปรตุเกส และก้าวผ่านความกดดันเพื่อขึ้นมาเป็นสตาร์คนใหม่ในพรีเมียร์ลีกได้หรือไม่?


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ