มือดีแอบเผาไร่อ้อย เกิดไฟลามไหม้บ้านชาวบ้าน วอด 2 หลัง

 

 

 

 

                             สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 63 เวลา 16.00 น. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Janjira Hentongdee”  ได้โพสต์รูปภาพบ้านถูกไฟไหม้ เหตุเพราะข้างบ้านเผาไร่อ้อยจนไฟลามไหม้บ้านวอด 2 หลัง พร้อมข้อความว่า“สิ่งที่คุณทำมันดีแล้วหรือ การทำให้คนที่เขาไม่รู้อะไรต้องมารับกรรมที่พวกคุณทำไว้ บ้านถูกไฟไหม้ทั้ง2หลังเสียหายหลายบาท มันคุ้มแล้วหรอ รถเสียหายไป3คัน บ้านทั้งหลัง มันดีแล้วหรอกับสิ่งที่คุณทำ
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่คุณไม่เคยนึกถึงใจของพวกเราเลยสักคน พวกเราบอกคุณหลายรอบแล้วเรื่องอ้อย ว่าให้ปลูกห่างจากบ้านของพวกเรา เพราะชอบมีคนลักจุดทุกๆปี เหมือนงานวัด บอกกี่รอบคุณก็ไม่เคยจะสนใจพวกเรา จนกระทั้งปีนี้บ้านเราโดนไฟไหม้ คุณก็ไม่ยังมาดูแล สิ่งที่ควรคิดได้แล้วคือการเลิกจุดไฟอ้อยกันสักที ต้องให้คนตายก่อนใช่ไหมคุณถึงจะรู้สึก ของสำคัญเสียหายไปหลายอย่าง พวกคุณจะรับผิดชอบไหวไหม สิ่งนี้พวกคุณควรได้รับการเรียนรู้สักที เหตุการณ์เกิดขึ้นทุกปีคุณยังไม่เรียนรู้ ปีนี้บ้าน2หลังนี้ขอเป็นครั้งสุดท้าย อย่าได้เกิดขึ้นอีก และขอให้คนที่ชอบมีความสุขบนความทุกข์คนอื่นได้เรียนรู้สิ่งนี้สักที”

                                                          

                                                         

วันนี้ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อดูความเสียหายพบว่าสภาพบ้านถูกไฟไหม้วอดทั้ง 2 หลัง ทรัพย์สินมีค่า เสื้อผ้า ของใช้ สิ่งของทุกอย่างไหม้วอดเป็นเถ้าถ่าน โดยบ้าน 2 หลังนี้ ครอบครัวอยู่กัน 5 คน คือ นางเป้า สามชื่นฉ่ำ (ย่า) อายุ 77 ปี, นายสมพร เห็นทองดี (พ่อ) อายุ 47 ปี อาชีพรับจ้าง, นางวันเพ็ญ เห็นทองดี (แม่) อายุ 49 ปี อาชีพรับจ้าง, นายพร้อมพงศ์ เห็นทองดี (ลูกชาย) อายุ 23 ปี พลทหารค่ายสุรสีห์ ร.19 พัน 3 และ น.ส.จันทร์จิรา เห็นทองดี (ลูกสาว) อายุ 16 ปี เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 โรงเรียนพระแท่นดงรังวิทยาคาร ต.พระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ทั้งหมดอยู่บ้านเลขที่ 2/2 ม.5 ต.อู่โลกสี่หมื่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี

                                                          

                                                          

ครอบครัวผู้เสียหายได้เล่าให้ฟังว่า ตอนช่วงเกิดเพลิงไหม้อยู่นั้นมีเพียงคุณย่าที่ขาไม่ค่อยดี อยู่บ้านเพียงลำพัง เดชะบุญที่เพื่อนบ้านได้เข้ามาช่วยนำตัวออกมาได้ทันท่วงทีโดยคุณย่าตอนนั้นมีสภาพฝุ่น เถ้าถ่าน เปื้อนทั้งตัว หลังจากได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้าน ทั้งครอบครัวก็รีบกลับมาดูบ้านแทบลืมทั้งยืน เพราะเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านจนวอดทั้ง 2 หลัง โดยที่ครอบครัวได้แต่กอดกันร้องไห้ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ได้แต่รอให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ดับไฟเร็วที่สุด โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ หลังจากเพลิงสงบลงครอบครัวและเพื่อนบ้านก็ได้ช่วยกันเดินหาข้าวของที่พอจะไม่เสียหายมากนำออกมา ซึ่งแทบจะไม่เหลืออะไรให้นำออกมาได้เลย

                                                           

                                                           

หลังควบคุมเพลิงสงบ มีสิ่งปาฏิหาริย์เกิดขึ้น พบว่า พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และรูปพระที่ติดอยู่ที่ผนัง แทบไม่ได้รับความเสียหาย มีเพียงขอบภาพที่โดนไฟไหม้  ในขณะที่สิ่งของในบ้านได้แก่ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค, ทีวี พัดลม, ฟูกที่นอน, ผ้าม่านหน้าต่าง, ตู้เย็น และข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหาย

                                                           

วันนี้ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ น.ส.จันทร์จิราฯ ลูกสาวคนเล็กของครอบครัวเห็นทองดี โดยให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า ตอนที่หนูกลับมาจากโรงเรียนเห็นรถดับเพลิงกำลังฉีดน้ำดับไฟที่ไหม้บ้านตัวเองจบแทบไม่เหลืออะไรแล้ว ก็ตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก สติหลุดไปหมดแล้ว ได้แต่ยืนร้องไห้กับครอบครัว

                                                           

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า แล้วนอกจากทรัพย์สินเงินทองที่สูญเสียไปแล้วนี่ ยังมีอะไรอีกมั้ยที่รู้สึกเสียใจอย่างมากที่สูญเสียไป น้องจันทร์จิราฯ ตอบว่า “ก็มีรูปภาพปู่ ย่า ตา ยาย บรรพบุรุษ ที่จากไปแล้ว ไม่สามารถหาดูได้อีกแล้ว ของสะสมต่างๆ ของคุณพ่อ คุณแม่ รถจักรยานยนต์ของพี่ชายที่รักมาก และรวมถึงคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของหนูที่มีรูปความทรงจำมากมาย และบันทึกเกี่ยวกับเรื่องเรียน งานที่จะส่งคุณครู มันก็ไหม้วอดไปหมดไม่เหลืออะไรแล้ว”

                                                           

                                                           

น้องจันทร์จิราฯ ยังกล่าวอีกว่า “ทุกปีจะมีการเผาไร่อ้อยกันตลอดโดยที่ครอบครัวไม่มีทางรู้เลยว่าเขาจะเผาตอนไหนบางทีก็เผากลางดึกก็มี ทุกคนก็ต้องผวากัน หวาดระแวงคอยตื่นขึ้นมาดู เพราะระยะห่างจากไร่อ้อยถึงบ้านแค่ 1-2 เมตรเท่านั้นเอง ซึ่งใกล้มาก และทุกครั้งที่เผาเขาจะไม่ระวังอะไรเลยไม่มีการป้องกันใดๆ โดยช่วงกลางวันคุณพ่อกับคุณแม่ก็ต้องช่วยกันตัดต้นอ้อยที่มันเกยออกมาเพื่อให้มันห่างจากตัวบ้านแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี”

                                                           

                                                           

สำหรับเรื่องความช่วยเหลือต่างๆ ของทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน หรือผู้มีน้ำใจ ณ ตอนนี้ก็ได้มีความช่วยเหลือเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งอำเภอท่ามะกา และอบต.อุโลกสี่หมื่น โดยทาง อบต.นั้นได้ให้ทางครอบครัวไปแจ้งเรื่องเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือในการปลูกบ้าน และหลังจากได้รับเรื่องก็จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อของบประมาณมาช่วยเหลือ รวมถึงทางสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดกาญจนบุรีที่ได้ติดต่อมาให้ความช่วยเหลือ อีกทั้งยังมีผู้ใจบุญโอนเงินเข้ามาบริจาค และชาวบ้านที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงก็ได้นำของใช้ต่างๆ ที่จำเป็นมาให้

 

 

 

นอกจากนี้ วันนี้ทาง นายสมจิตร​ คำชื่น​ ประธานคณะกรรมการ​สถานศึกษาโรงเรียนพระแท่นดงรังวิทยาคาร​ นำเงินส่วนตัวมามอบ 15,000 บาท และนายศิวรัตน์​ พายุหะ​ ผู้อำนวยการ​โรงเรียนพระแท่นดงรังวิทยาคาร นำเงินจากการร่วมกันบริจาคกันภายในโรงเรียนทั้งครูและนักเรียนมามอบให้เบื้องต้น​ 11,800 บาท

                                                            

ในส่วนของที่อยู่ชั่วคราวตอนนี้ทางครอบครัวก็ได้อาศัยอยู่ในโรงเก็บรถที่เป็นเพิงหลังคากระเบื้อง โดยเพื่อนบ้านก็ได้นำป้ายไวนิลด์แผ่นใหญ่มาติดทำเป็นผนังบ้านชั่วคราว

                                                            

ท่านใดมีความประสงค์ส่งกำลังใจให้น้อง และครอบครัวลุกขึ้นสู้อีกครั้ง สามารถช่วยเหลือได้ที่  ธนาคาร ธกส.เลขที่บัญชี 011442523426 ชื่อบัญชี น.ส.จันทร์จิรา เห็นทองดี หรือ ธนาคาร ธนชาติ เลขที่บัญชี 338-6-12193-8 ชื่อบัญชี นางวันเพ็ญ เห็นทองดี

วุฒิเดช ก้อนทองคำ / ธวัชชัย สุขุม / กีรติ ก้อนทองคำ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ. กาญจนบุรี