ดีเอสไอ พร้อมงัดความเห็นผู้เชี่ยวชาญดีเอ็นเอโต้แย้งอัยการ

          เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2563 แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงเหตุผลที่คณะพนักงานสอบสวนคดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย มีความเห็นสั่งฟ้องน่ยชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ปัตตานี และอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวกรวม 4 คน ว่า ในชั้นสอบสวนดีเอสไอได้สอบปากคำผู้เชี่ยวชาญทางสารพันธุกรรม คือ นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ ผอ.กองสารพันธุ์กรรม สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม อย่างละเอียด โดยพยานได้อธิบายรายละเอียดของระบบการตรวจดีเอ็นเอ แบบไมโทคอนเดรีย โดยระบุว่าสารพันธุกรรมปกติ หรือดีเอ็นเอปกติ จะมีอยู่ในแกนกลางของเซลล์ หรือที่เรียกว่านิวเคลียสประมาณ 99.99% ส่วนที่เหลืออีก 0.01% จะอยู่ในส่วนที่เป็นไซโตรปลาสซึมรอบนอก โดยบรรจุอยู่ในส่วนที่เรียกว่าไมโทคอนเดรีย ซึ่งภายในไมโทคอนเดรียจะมีสารพันธุกรรมที่เรียกว่าไมโทคอนเดรียดีเอ็นเอ โดยมีความยาวของสายพันธุกรรมประมาณ 16,500 รหัสพันธุกรรม

          “ไมโทคอนเดรียดีเอ็นเอจะมีส่วนที่คงที่ในการถ่ายทอดจากมารดาสู่บุตรกลับส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะพบการเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการถ่ายทอด 2 รุ่นขึ้นไปเช่นจากยายสู่หลาน แต่การพิสูจน์ในคดีนี้พบว่าไมโทคอนเดรีย ดีเอ็นเอตรงกันและยังไม่มีความเปลี่ยนแปลง ดังนั้นพยานปากผอ.สารพันธุกรรมจึงยืนยันตามรายงานการตรวจพิสูจน์ว่า ชิ้นส่วนกระดูก temporal มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิตที่สืบทอดมาจากมารดาหรือยายคนเดียวกัน” แหล่งข่าวระบุ

          แหล่งข่าว เปิดเผยด้วยว่า ในการให้ปากคำของผู้เชี่ยวชาญยังให้ความเห็นด้วยว่า สารพันธุกรรมแบบปกติ หรือดีเอ็นเอปกติ แม้ว่าจะมีจำนวนมากกว่าแต่เนื่องจากลักษณะของดีเอ็นเอปกติเป็นสารพันธุกรรมที่มีความยาวประมาณ 3 พันล้านรหัสพันธุกรรม ทำให้มีการแตกหักและเสียหายได้ง่าย และมีเพียงจำนวนหนึ่งชุดรหัสพันธุกรรมต่อหนึ่งเซลล์เท่านั้น จึงทำให้ตรวจหาลำบาก กรณีที่วัตถุพยานเป็นวัตถุพยานที่มีการเน่าสลายหรือเสื่อมสลาย เนื่องจากถูกทิ้งไว้เป็นเวลานาน แต่ไมโทคอนเดรียดีเอ็นเอจะเป็นสายดีเอ็นเอที่สั้นกว่ามีความยาวประมาณ 16,000 รหัสพันธุกรรม และมีจำนวนชุดรหัสพันธุกรรมที่เหมือนกันอยู่ประมาณ 1,000 ถึง 10,000 ชุดต่อหนึ่งเซลล์ แม้ว่าวัตถุพยานจะมีการเน่าสลาย หรือเสื่อมสภาพก็ยังคงสามารถตรวจหาไมโทคอนเดรียดีเอ็นเอและนำมาเปรียบเทียบกันได้ โดยการตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคล ทั้งการตรวจดีเอ็นเอปกติและการตรวจไมโทคอนเดรียดีเอ็นเอมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือใกล้เคียงกัน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ

          แหล่งข่าวเปิดเผยต่อไปว่า สำหรับพยานบุคคลที่ดีเอสไอนำสืบ ซึ่งยืนยันว่าไม่เคยเห็นนายพอละจี หรือการปล่อยตัวนายพอละจี แต่อัยการกลับมีความเห็นว่า พยานเคยให้การต่อศาลจังหวัดเพชรบุรีแล้วว่า เคยเห็นผู้ต้องหาทั้ง 4 ปล่อยตัวนายพอละจี จนเป็นเหตุให้ศาลจังหวัดเพชรบุรี ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ยกคำร้อง แต่ในคดีฆาตกรรมพยานขึ้นเบิกความต่อศาลอาญา โดยกลับคำให้การว่าไม่พบเห็นนายพอละจี หลังจากผู้ต้องหาทั้ง 4 นำตัวพานายพอละจีไป อันเป็นการขัดกับที่พยานให้การและเบิกความต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี อัยการจึงรับฟังคำให้การที่กลับไปกลับมา ด้วยความระมัดระวัง นอกจากนี้อัยการยังมองว่า คำให้การพยานบุคคลที่ระบุว่าเคยเห็นหรือไม่เคยเห็นการปล่อยตัวนายพอละจี ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง และร่วมกันฆ่านายพอละจี