อย่าเต้นตามเพลงเขมร | คมชัดลึก

 นายศิวรักษ์เลือกที่จะขอพระราชทานอภัยโทษมากกว่าที่จะเลือกอุทธรณ์คำพิพากษาซึ่งเป็นกระบวนการต่อสู้คดีโดยปกติทั่วไป โดยเฉพาะการต่อสู้ในประเด็นปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าเอกสารตารางการบินมิใช่เป็นความลับทางราชการของกัมพูชา แต่ไฉนนายศิวรักษ์จึงไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์ ทั้งที่มีประเด็นข้อต่อสู้ชัดเจน ในฐานะจำเลยคดีจารกรรม ซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษหนักมากตามกฎหมายกัมพูชา แต่นายศิวรักษ์เดินทางมาศาลด้วยใบหน้าแช่มชื่น สวมใส่เสื้อลายทางสีขาวสะอาดสะอ้าน ปราศจากโซ่ตรวน คล้ายนายศิวรักษ์เดินทางมาสถานบันเทิงมากกว่าเดินทางไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษาคดีอุกฉกรรจ์ และเมื่อศาลกัมพูชามีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก นายศิวรักษ์ก็มิได้มีท่าทีสะทกสะท้าน หลังคำพิพากษานายศิวรักษ์ นายเขียว สัมโบ ทนายความคนใหม่ของนายศิวรักษ์ได้ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษทันที นั่นแปลว่า นายศิวรักษ์ยอมรับว่าการล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับเอกสารตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นความผิด

 แต่..คำถามก็คือ พฤติการณ์ของนายศิวรักษ์เป็นความผิดก็จริง แต่คนผิดกลับมิใช่นายศิวรักษ์ หากเป็นนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ซึ่งทั้งนางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของนายศิวรักษ์ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ต่างระบุตรงกันว่า เป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด เนื่องจากเป็นผู้โทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลจากนายศิวรักษ์ นายเขียว กันหะริด โฆษกรัฐบาลกัมพูชา อธิบายว่า การพระราชทานอภัยโทษให้แก่นายศิวรักษ์เป็นการกระทำเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม เพราะกัมพูชารู้ดีว่านายศิวรักษ์ทำไปตามคำสั่งที่ได้รับจากรัฐบาลไทย รัฐบาลกัมพูชาต้องการสื่อสารให้รัฐบาลไทยรู้อย่างแน่นอนว่า รัฐบาลไทยกำลังก้าวล่วงกิจการภายในของกัมพูชา โดยใช้นายศิวรักษ์เป็นเครื่องมือ ภายใต้ผู้สนับสนุนเช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทย เมื่อได้บุญคุณกับนายศิวรักษ์ ในฐานะคนสัญชาติไทยแล้ว รัฐบาลเขมรก็จะได้เหตุผลข้ออ้างในการกล่าวหารัฐบาลไทยด้วยว่าแทรกแซงกิจการภายใน วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางมาร่วมพิธีส่งมอบตัวนายศิวรักษ์ที่กัมพูชา รัฐบาลไทยก็ยืนยันจะยื่นขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามหลักการเดิม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ควรใช้ท่าทีที่ระมัดระวังยิ่งขึ้นในการทูตระหว่างประเทศ มิให้กัมพูชาสามารถหยิบฉวยไปเป็นประโยชน์ได้