
'The Cop อาชีพ'...พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ
"ถ้าพึ่งใครไม่ได้ก็มาที่นี่ เราพร้อมที่จะรับใช้ไม่หนีหน้า จะยากเย็นเข็ญใจไม่นำพา แม้ไกลสุดขอบฟ้าจะฝ่าฟัน ด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าวาจาเพราะ ไม่ฉอเลาะเฉพาะเสี่ยเรียกเฮียทั่น จะเป็นใครที่ไหนก็สำคัญ ชนทุกชั้นน้อมคำนับขอรับใช้ ถ้าพึ่งใครไม่ได้ก็มานี่ ป.ขอพลีทั้งชี
ป้ายข้อความขนาดใหญ่หน้าห้องรับเรื่องร้องทุข์ กองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) โดย พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุทธารมณ์ อดีตรอง ผบช.น.เมื่อครั้งครองยศ พ.ต.ท.ดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.ป.ตำรวจกวีผู้เรียงร้อยเอาไว้
"ผู้การประเทศไทย" ชื่อที่ผู้คนเรียกแทนตำแหน่ง ผบก.ป.มาจากอำนาจหน้าที่สืบสวนจับกุมคดีได้ทั่วประเทศ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามยุคสมัย ปัจจุบัน พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ เข้ามาดำรงตำแหน่งรักษาการ ผบก.ป.คนล่าสุด สบายๆ สไตล์สีกากีฉบับนี้จะพาไปรู้จักกับนายตำรวจผู้นี้ ซึ่งมี "เข็มมุ่ง" พัฒนาองค์กรให้มีความยุติธรรมและทำงานอย่างเป็นระบบสากล คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ตามเจตนารมณ์ที่บันทึกไว้ใน "อาชีพ The Cop อาชีพ ศาสตร์และศิลป์" พ็อกเก็ตบุ๊กที่กลั่นมาจากประสบการณ์ค่อนชีวิต
ในหนังสือเล่มนี้ยังมีแง่มุมเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้ นั่นคือในวัยเด็กรักษาการผู้การกองปราบฯ คนนี้เคยถูกตำรวจจับไปโรงพักในข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญ ด้วยการเตะฟุตบอลเสียงดัง เขาถูกนายตำรวจคนหนึ่งอบรมบ่มนิสัยจนกลายเป็นความประทับใจในเครื่องแบบและอาชีพ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางแห่งฝัน สุดท้ายเขาก็ได้ดาวเงินมาติดบ่า ทว่ามันไม่ได้มาอย่างง่ายๆ เลย สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้เดินอยู่บนเส้นทางตำรวจอาชีพอย่างภาคภูมิคือ พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรและกระบี่เมื่อ 31 ปีก่อน ทุกวันนี้ก็ยังจดจำใส่เกล้าและถือปฏิบัติอยู่เป็นประจำทุกวันความว่า
"จะต้องสำนึกตระหนักไว้เสมอว่า ทุกข์ร้อนของประชาชนนั้น ก็เป็นทุกข์ร้อนของตนเองด้วย และการขจัดความเดือดร้อนของผู้อื่น แท้จริงคือการขจัดความเดือดร้อนของตนเองนั่นเอง"
เมื่อก้าวเข้ามาสู่ตำแหน่งบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นหัวหน้าองค์กรที่ได้ชื่อว่าที่พึ่งพิงแห่งสุดท้ายของประชาชนแล้ว พ.ต.อ.สุพิศาล จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการทำงานแบบใหม่ เน้นให้การสืบสวนสอบสวนอย่างยุติธรรม การลงไปทำงานต้องตอบโจทย์ของประชาชนให้ได้ และก้าวไปสู่ตำรวจอาชีพตามแบบฉบับสากล คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน การใช้อำนาจรัฐโดยชอบตามขอบข่ายรัฐธรรมนูญ คำนึงถึงหลักสิทธิเสรีภาพของประชาขนผู้เสียหาย ตลอดจนขั้นตอนการเก็บรวบรวมหลักฐานต้องบริสุทธิ์ยุติธรรม สิ่งเหล่านี้เขาต้องอาศัยจากตำรวจเลือดใหม่
"การทำงานแนวใหม่ต้องการตำรวจเลือดใหม่มาช่วยผ่องถ่ายวัฒนธรรมตำรวจเก่าๆ ด้วยสูตรถ่ายโอนนายตำรวจเลือดใหม่ปีละ 200 นาย เป็นเวลา 5 ปี แต่ก้าวแรกผ่องถ่ายเลือดใหม่มีโควตาแค่ 80 นาย เป็นบุคคลที่เรียนจบระดับปริญญาตรีแล้วมาบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจชั้นยศนายสิบตำรวจ เมื่อมีนายตำรวจเลือดใหม่เข้ามาแล้วก็จะให้ความรู้ด้านการสืบสวนสมัยใหม่ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ เทคโนโลยีที่ทันสมัย" พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าว
จุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่ตำรวจไทยยุคใหม่แห่งทศวรรษที่ 21 ผบก.ป.ประเดิมด้วยการมุ่งเน้นปราบปรามคดีอาชญากรรม 77 คดีใหญ่ทั่วประเทศไทย โดยสั่งให้นายตำรวจระดับสารวัตร รองผู้กำกับการ และผู้กำกับการ สร้างผลงานชิ้นโบแดงอย่างน้อยคนละ 1 คดี บก.ป.มีนายตำรวจทั้งหมด 77 นาย ก็ได้คดีใหญ่ๆ อย่างต่ำ 77 คดีพอดิบพอดี
แม้จะรับราชการมาหลายสิบปี ผ่านงานสำคัญๆ มาแล้วมากมาย ประสบการณ์โชกโชน ทว่าสิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลคือการได้มีโอกาสถวายอารักขาความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามสกุล "ภักดีนฤนาถ" แปลว่า "ภักดีต่อเจ้าเหนือหัว" เมื่อปี 2534 นำความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
ภายในห้องทำงานของนายตำรวจร่างท้วมผิวขาวหน้าอิ่มเอิบคลาคล่ำไปด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประดามี ทั้งรูปวาดเทพเจ้ากวนกูควบขี่อาชาศึก หุ่นจำลองเทพเจ้ากวนอูเซรามิก 7 ชิ้น พระพิฆเนศองค์ใหญ่ ฯลฯ เมื่อถามถึงความเชื่อที่มีต่อรูปเคารพเหล่านี้ พ.ต.อ.สุพิศาล อมยิ้มแล้วตอบว่า...ก็เป็นสิ่งที่ควรเชื่อนะ !
"เทพเจ้ากวนอูเป็นตัวแทนของความซื่อสัตย์ อดทน และรักประชาชน" พ.ต.อ.สุพิศาล บอกถึงสิ่งที่ศรัทธา โดยเฉพาะเทพเจ้ากวนอูถือง้าวที่ผู้ใหญ่ที่นับถือมอบให้เป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน
ตลอดชีวิตบนเส้นทางสายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต้องทำงานบนความเสี่ยง ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่เขาก็รักและภาคภูมิใจในสิ่งที่เป็น และด้วยความที่เป็นนายตำรวจช่างคิดช่างวางแผน ทั้งเรื่องงานและส่วนตัว พ.ต.อ.สุพิศาลวางแผนหลังเกษียณอายุราชการจะพักผ่อนสักระยะหนึ่ง เพราะการเป็นตำรวจอาชีพต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ลำพังแค่การไม่มีโรคก็คือความสุขของชีวิตบั้นปลายแล้ว ทว่าข้าราชการตำรวจมักอายุสั้นเสมอ ด้วยเหตุนี้เขาจึงวางแผนสุดท้ายของชีวิตเอาไว้ด้วย โดยจะมอบ "พ็อกเก็ตบุ๊ก" สุดรักเป็นของที่ระลึกไว้แจกจ่ายผู้ที่มาร่วมงานศพของตัวเอง !
"...เมื่อเกษียณแล้วหัวโขนที่สวมอยู่คงต้องถอดทิ้ง สิ่งที่จะทิ้งไว้ในการทำงานคงต้องเป็นสิ่งดีๆ ผมยังอยากให้ผู้คนสรรเสริญมากกว่าได้ยินคำด่าทอลับหลัง และนี่แหละความจริงแท้ของอาชีพตำรวจ..."
นี่คือบันทึกหน้าสุดท้ายของหนังสือ "อาชีพ The Cop อาชีพ ศาสตร์และศิลป์" โดยตำรวจอาชีพคนหนึ่ง ที่ยังมีตัวตนและทำงานแบบตำรวจอาชีพอยู่ในขณะนี้ แม้จะมีวางขายทว่าเจ้าตัวเตรียมเอาไว้แจกตอนงานศพตัวเอง ดังนั้นคนทั่วไปอาจได้อ่านเรื่องราวเหล่านี้ ในวันที่เขาไม่มีตัวตนบนโลกนี้แล้วก็ได้ !
ทีมข่าวรายงานพิเศษ