รอง.ปลัดกระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่แม่ฮ่องสอน

 

 

                ที่แม่ฮ่องสอน นายปวิณ  ชำนิประศาสน์ รอง.ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายศักดิ์ฤทธิ์  สลักคำ อธิบดีกรมการปกครอง ร.ต.สรมงคล  มงคละสิริ ผู้อำนวยการกลุ่มงานประสานนโยบายผู้อพยพและหลบหนีเข้าเมือง ทต.สป./ ผช.หน.สศอ.มท.  น.ส.พิมพ์อัปสร  บริบูรณ์รัตน์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานคามสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ตท.สป.  น.ส.ขวัญเรือน  ศรีจันทร์ ผู้อำนวยการส่วนกิจการชายแดนและผู้อพยพ สำนักกิจกรรมความมั่นคงภายใน นายเฉลิมพล  มั่งคั่ง รอง.ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมคณะ 15 คนเดินทางไปปฏิบัติภารกิจตรวจเยี่ยมชุดปฏิบัติการควบคุมพื้นที่พักพิงชั่วคราว อส. ศูนย์อพยพผู้หลบหนีภัยสงครามจากการสู้รบ บ้านแม่สุริน  อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยว่าที่ร้อยตรีณรงค์ชัย  จินดาพันธุ์ นายอำเภอขุนยวม นำปลัดอำเภอหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับใช้เวลาการเดินทางกว่า 2ชั่วโมงเนื่องจากเป็นเส้นทางลำลองคดเคี้ยวขึ้นเขาลงห้วยอย่างลำบาก

หลังจากตรวจเยี่ยมชุดปฏิบัติการและศูนย์อพยพพร้อมรับฟังบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ ฯคณะได้เดินทางต่อไปยังจุดผ่อนปรนชั่วคราวช่องทาง BP 13 ห้วยต้นนุ่น ตำบลแม่เงาระยะทาง 9.7 กม. ซึ่งเป็นเส้นทางแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างพ่อค้าไทย กับ พ่อค้าเมียนมา ช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะมีการนำสินค้าทั้งสองประเทศมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันเฉพาะวันพุธวันเดียว แต่ปัจจุบันจะมีการนำสินค้าเข้า – ออก ทุกวันเนื่องจากการเดินทางก็สะดวกยิ่งขึ้นทำให้มูลค่าสินค้าทั้งสองประเทศเพิ่มมากขึ้นในอนาคตเส้นทางดังกล่าวคงจะได้รับยกฐานะเป็นจุดผ่อนปรนถาวร การเดินทางจากอำเภอขุนยวมจังหวัดแม่ฮ่องสอนไปยังจังหวัดลอยก่อประเทศเมียนมาใช้เวลาการเดินทางเพียงแค่ 4 ชั่วโมง

 

เมื่อคณะเดินทางทางถึงจุดผ่อนปรนชั่วคราวเขตรอยต่อระหว่างประเทศ มีหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้การต้อนรับและรับฟังบรรยายสรุปจาก พ.ต.ไพโรจน์  อ่อนโอน ผบ.หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 4602 กรมทหารพรานที่ 36 ถึงสถานการชายแดน ทางด้านนายศักดิ์ฤทธิ์  สลักคำ อธิบดีกรมการปกครองกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เราทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นกฎหมายของเขา เท่าที่ทราบกำลังพิจารณาแก้อยู่ แต่เขาไม่ได้แก้กฎหมายหลักนะ เป็นกฏหมายลองทำเป็นระเบียบกำหนดขั้นตอนว่าจะอนุญาตให้ใช้ยังไง เพราะผลประโยชน์ของประเทศชาติในภาพรวม  ทางด้าน รอง.ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับฟังบรรยายสรุปว่า พื้นที่แห่งนี้ทางภาคเอกชนและภาคราชการของจังหวัดแม่ฮ่องสอนอยากให้เปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรเพื่อประโยชน์ทางด้านการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียรมา เป็นประเด็นต่อเนื่องมานานแล้ว คือประเด็นหลักเรื่องการผ่านพื้นที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า เมื่อเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรก็จะมีเรื่องการเพิกถอนเขตป่าและก็การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอีกมากมายเราต้องมาดูศึกษาประเภทสินค้า และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

มันเกี่ยวกับองค์ประกอบหลายๆอย่าง องค์ประกอบที่หนึ่งประทางการค้าที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเราจะทำอย่างไรให้ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดหากมาตรการรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านเกณฑ์พิจารณาของสำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมได้ก็เป็นไปได้ที่จะเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรเกิดขึ้นเพราะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติในภาพรวมนำไปต่อการลงทุนเนื่องจากว่าเป็นประโยชน์อย่างมากมาย

                เกียรติศักดิ์  รักสัตย์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค แม่ฮ่องสอนรายงาน