
มนัญญา เร่งตำรวจฟ้องอดีตกก.สหกรณ์สโมสรรถไฟทุจริต
มนัญญา จัดการเบ็ดเสร็จ เร่งตำรวจฟ้องดำเนินคดีอาญาและแพ่ง อดีตกก.สหกรณ์สโมสรรถไฟทุจริต ภายในกุมภาพันธ์นี้
10 มกราคม 2563 มนัญญา เผยหลังตรวจสหกรณ์สโมสรรถไฟยังมีสภาพคล่องให้บริการสมาชิก ประธานสหกรณ์ ระบุไม่ชักดาบเจ้าหนี้พันธมิตรเงินกู้แน่นอน ขอเพียงให้ยืนยันการให้กู้เท่านั้น ล่าสุดเหลือ สหกรณ์การยางแห่งประเทศไทยกับตำรวจที่ยังไม่ยันการกู้
น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเข้ารับทราบการดำเนินการของสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ว่า ได้ติดตามสอบถามและฟังคำชี้แจงของประธานสหกรณ์ออมทรัพย์และผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ(สอ.สรฟ.)ในเรื่องการบริหารสินทรัพย์ และหนี้สินของสหกรณ์ การให้บริการสมาชิกทั้งการกู้เงิน การแก้ปัญหาหนี้ที่เกิดจากการทุจริตของอดีตกรรมการสหกรณ์ โดยสหกรณ์ได้ชี้แจงและให้ดูเอกสารทางการเงินของสหกรณ์ ก็พบว่าสหกรณ์ยังมีสภาพคล่องที่จะให้สมาชิกกู้หรือถอนได้ แต่ได้กำชับให้เร่งติดตามเรื่องการฟ้องคดีกับอดีตกรรมการที่ร่วมกันทุจริต
ประเด็นสำคัญคือการฟ้องอาญาและแพ่งกับ 6 กรรมการที่ทุจริต จะได้พิสูจน์ความจริงและเรียกทรัพย์คืน ซึ่งทางตำรวจก็บอกว่าสามารถรวบรวมส่งอัยการได้ก.พ. 63 นี้ และจากที่ได้ดูข้อเท็จจริงทางการเงินแล้ว สหกรณ์เขาให้ความมั่นใจว่าสมาชิกสามารถที่จะกู้หรือจะถอนเงินได้ตามปกติ สำหรับเจ้าหนี้พันธมิตรที่ไปกู้ยืมก็รับทราบว่าสหกรณ์ได้มีการชำระไปแล้วประมาณ 100 ล้านบาท
ซึ่งก็จะได้สอบทานว่ามีการชำระจริงเพื่อพิสูจน์ความมีอยู่ของเจ้าหนี้ ซึ่งในเรื่องนี้เป็นการติดตามและขอทราบว่าสหกรณ์มีการแก้ไขอย่างไรก็ตามพบว่า ได้มีความพยายามแก้ไขและกรรมการชุดใหม่ก็ทำงานได้ดี และสามารถที่จะมีสภาพคล่องดำเนินธุรกิจได้ปกติ อย่างไรก็ตามในอนาคตก็จะพิจารณาว่าจะมีการแก้ไขกฏหมายสหกรณ์ในประเด็นใดหรือไม่เพื่อให้การทำงานกระชับมากขึ้น “รมช.เกษตรฯกล่าว
นายสาโรจน์ สุขแสงดาว ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ(สอ.สรฟ .) กล่าวว่า ยืนยันว่ามีสภาพคล่องพร้อมให้สมาชิกฝาก ถอนตามปกติ ซึ่งที่เข้ามา 1 ปีได้วางแนวทางการแก้ไขปัญหาไว้ได้พอสมควรแล้ว โดยขณะนี้สหกรณ์จะมีรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ของสมาชิกที่ส่งดอกเดือนประมาณ 52 ล้านบาทและมีภาระที่ต้องชำระดอกเบี้ยรวม 27 ล้านบาท จึงมีเงินช่องว่างมาเสริมสภาพคล่อง และสมาชิกปฏิบัติตามเกณฑ์ที่สหกรณ์สอ.สรฟ.วางไว้ในเรื่องสัดส่วนที่จะไถ่ถอนก็คาดว่าอีกไม่นานจะสามารถแก้ไขได้ทั้งหมด
“กรณีเงินกู้พันธมิตร 15 รายวงเงิน 3,400 กว่าล้านบาท และ 10 รายที่ยืนยันการเป็นเจ้าหนี้ได้มีการลงนามความร่วมมือในการชำระเงินเป็นงวดแล้วและสหกรณ์พันธมิตรยอมรับ ในขณะที่อีก 5 แห่งที่เหลือ ที่สอ.สรฟ.ไม่ได้ชำระหนี้เงินกู้ให้นั้นอยู่ระหว่างที่ให้สกรณ์เหล่านั้นยืนยันการเป็นเจ้านี้เพราะหากกรรมการนำเงินสมาชิกไปใช้หนี้โดยที่ไม่มีหลักฐาน กรรมการก็ต้องโดนฟ้องติดคุก ล่าสุดเหลือสหกรณ์การยางแห่งประเทศไทยกับสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจที่ยังไม่ยอมแจ้งความเพื่อยืนยันการให้กู้กับสอ.สรฟ. ซึ่งหากยืนยันสอ.สรฟ.ก็พร้อมใช้หนี้ไม่มีการชักดาบ “นายสาโรจน์กล่าว
ประธานสอ.สรฟ .กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กรรมการชุดปัจจุบันได้เร่งรัดในการฟ้องร้องทางอาญาข้อหาลักทรัพย์กับอดีตกรรมการชุดดังกล่าว 6 ราย ที่ได้มีการอนุมัติเงินกู้พิเศษโดยมิชอบให้กับสมาชิก 6 รายรวม 199 สัญญา วงเงินกว่า 2,279 ล้านบาทในระหว่างปี 2555-60 นั้นทางตำรวจเจ้าของคดีแจ้งว่าจะสามารถยื่นต่ออัยการได้ภายใน ก.พ. 2563 หากคดีถึงที่สุดก็จะสามารถติดตามทรัพย์มาขายเพื่อนำเงินมาคืนสหกรณ์ได้
โดยพบว่า นายบุญส่ง หงส์ทอง อดีตประธานสหกรณ์กับพวกอีก 5 คนร่วมกันทุจริตและนำเงินไปซื้อที่ดินที่ อ.แก่งกระจานในชื่อตนเอง โดยเป็นเงินกู้ชื่อนายบุญส่ง 658 ล้านบาท นายวีระชัย ศรีสวัสดิ์ 601 ล้านบาท นายนรินทร์ โพธิ์ศรี 449 ล้านบาท นายปรีชา ธนะไพรินทร์ 395 ล้านบาท นายบัญชา ช่วยประสิทธิ์ 170 ล้านบาท และนายประพันธ์ อำพันฉาย 160 ล้านบาท
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้มีความพยามที่จะเชื่อมโยงเพื่อกดดันให้อธิบดีใช้อำนาจนายทะเบียนเข้าไปสั่งการให้สอ.สรฟ.กระทำการ เช่นจะให้ใช้อำนาจนายทะเบียนสหกรณ์ สั่งการให้สหกรณ์ออมทรัยพ์สโมสรรถไฟฯ ใช้หนี้พันธมิตรเจ้าหนี้ 3พันกว่าล้าน ซึ่งขอชี้แจงว่าไม่สามารถกระทำได้เพราะจะผิดมาตรา 157
อีกทั้งสหกรณ์เป็นนิติบุคคลที่ต้องมีความรับผิดชอบต่อสมาชิกของสหกรณ์นั้น ๆ หากนายทะเบียนไปสั่งให้กรรมการนำเงินสมาชิกมาชำระหนี้เจ้าหนี้นั้นไม่สามารถทำได้เพราะจะเป็นแทรกแซงกิจการของนิติ อีกทั้งกรณีหนี้ที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ากู้ยืมกันโดยชอบหรือไม่ก็จะยิ่งมีความผิดเพิ่มมากขึ้น สหกรณ์จึงเป็นเรื่องของสมาชิกทั้งหมดที่จะร่วมกันตรวจสอบกรรมการกันเอง