ข่าว

สมศักดิ์ เล็งตรวจสุขภาพจิตนักโทษกลุ่มเสี่ยง ป้องซ้ำรอยสมคิด

สมศักดิ์ เล็งตรวจสุขภาพจิตนักโทษกลุ่มเสี่ยง ป้องซ้ำรอยสมคิด

27 ธ.ค. 2562

"สมศักดิ์" หนุนโทษประหาร หารือกรมสุขภาพจิต ตรวจสุขภาพจิตกลุ่มนักโทษเสี่ยง เพื่อไม่ให้ก่อเหตุซ้ำ ระบุอาจขัดหลักสิทธิมนุษยชน หากส่วนใหญ่เอาด้วยแก้ไม่ยาก

 

 

          เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2562 ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่นักโทษเรือนจำ จ.สงขลา แหกคุก ว่า ขณะนี้จับตัวได้แล้ว ตนไม่ได้ตกใจแต่ตนให้ความสนใจกับคนที่เจ็บและเสียชีวิตในคุกมากกว่า รวมทั้งคนที่เข้าไปในคุกแล้วไม่ทราบเรื่องของกฎระเบียบในเรือนจำ ปัจจุบันนักโทษในเรือนจำทั่วประเทศมีจำนวน 3.7 แสนคน สำหรับคนที่หลบหนีหรือแหกคุกมีจำนวนเล็กน้อย

 

 

          นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีนายสมคิด พุ่มพวง ผู้พ้นโทษและได้ออกมาก่อคดีซ้ำ โดยต่อไปนี้กรมราชทัณฑ์จะมีมาตรการควบคุมโดยชะลอการปล่อยตัวทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยตนมีข้อมูลแบ่งนักโทษออกเป็น 9 ประเภทตั้งแต่โทษน้อยสุดไปจนถึงมากสุด มีจำนวน 2.3 หมื่นคน คดีฆาตกรต่อเนื่องและโรคจิตมี 3 พันคน และในจำนวนนี้มีผู้ที่ได้รับโทษตลอดชีวิต และโทษที่เหลืออีก 2-3 ปี

 

          นอกจากนี้มีกลุ่มนักโทษในคดีฆ่าข่มขืนประมาณ 100 คน ซึ่งต้องมีมาตรการทางกฎหมายเพื่อควบคุมนักโทษทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในกรณีที่นักโทษพ้นโทษออกไปจะต้องมีมาตรการที่สามารถนำพวกเขามาจองจำต่อ หรือกักขังต่อตามพ.ร.บ.กฎหมายอาญา มาตรา 39 และ พ.ร.บ.ของกรมสุขภาพจิต ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นคนอันตราย มีความเสี่ยงในการกระทำความผิดซ้ำ ซึ่งจะต้องเข้ารับการตรวจในขั้นตอนทางการแพทย์ เพื่อให้อยู่ในสังคมข้างนอกได้ในระยะ 3-10 ปี เพื่อไม่ให้การกระทำความผิดซ้ำ โดยขอให้อัยการและศาลมีคำสั่งในเรื่องนี้ แต่ในระยะยาวจะต้องมีการออกกฎหมาย โดยให้กรมราชทัณฑ์กำกับดูแลเพิ่มโทษ ซึ่งต่างจากนักโทษปกติทั่วไป คาดว่าต้องใช้เวลาแต่ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้ทำบัญชีรายชื่อนักโทษออกมาแล้ว

 

          นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.ได้เสนอให้มีการเอาผิดนักโทษคดีฆ่าข่มขืน หรือทำผิดทางเพศให้ตัดอวัยวะเพศ หรือทำการฉีดยาอัณฑะฝ่อ ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนรวม สังคมมีแนวคิดหลากหลาย เป็นเรื่องที่ดี ถ้าส.ส.ส่วนใหญ่เอาด้วยก็สามารถดำเนินการออกกฎหมายได้ กฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา แม้จะไม่ได้ใช้กฎหมายประหารชีวิตมานาน แต่การข่มขืนเด็กอายุ 7 ขวบ ก็มีการสั่งประหาร แม้ว่ากลุ่มสิทธิมนุษยชนจะคัดค้านทั่วประเทศ แต่ส.ส.ของอเมริกาเอาด้วย ก็มีการสั่งประหารชีวิตและมีการออกกฎหมาย ที่ระบุว่าถ้าฆาตกรชั่วร้ายคนนั้นอยู่ที่ไหน สังคมควรรับรู้และจะทำให้ไม่มีคนตาย แต่ในประเทศไทยไม่มีใครรู้ว่าคนร้ายเหล่านั้นอยู่ที่ไหน ไทยก็ควรมีกฎหมายในลักษณะนี้ออกมา ถ้าส.ส.ต้องการออกกฎหมายเหล่านี้ก็สามารถเสนอได้ หรือจะมาร่วมกับกระทรวงยุติธรรมก็พร้อม เพราะความปลอดภัยของประชาชนไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวแต่อย่างใด ตนเชื่อว่าทุกคนเห็นด้วยแม้ว่าจะขัดหลักสิทธิมนุษยชนก็ตาม เพราะเป็นเรื่องของส่วนรวม ถ้าสังคมรับได้ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะออกกฎหมาย

 

          "บางที่สิ่งที่ผมพูดไปก็อาจจะพูดไปทั่วบ้านทั่วเมือง สำหรับฆาตรกรคดีฆ่าข่มขืน อยู่ที่ใด ประชาชนจะต้องรับทราบ เพื่อให้ระมัดระวังซึ่งเป็นมาตรการที่เบาที่สุด แต่ถ้ามาตรการที่หนักคือต้องประหารชีวิต แต่สังคมรับไม่ได้ก็ต้องติดคุกตลอดชีวิต คำถามคือเราทำได้หรือไม่ และกฎหมายจะทำได้หรือไม่ นี่คือแนวคิดที่ใช้มาตรการจากหนักไปหาเบา" นายสมศักดิ์ กล่าว