สาวแสบใช้แบงค์กาโม่ซื้อข้าว กราบขอโทษยายแล้ว
กรณีโลกโซเชียลแห่แชร์ด่าประณาม คนร้ายเป็นหญิงใช้แบงก์กาโม่ ซื้อของนางสมพิศ ฤทธิเดช อายุ 70 ปี บ้านอยู่ หมู่ 5 ต.ท่าระหัด อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี คุณยายซึ่งเข็นรถเข็นขายข้าวผัดกระเพรา ข้าวไข่เจียว ลูกชิ้น อยู่หน้าโรงเรียนสุพรรณภูมิ ริมถนนหมื่นหาญ เขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่าหลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วรพจน์ วีเปลี่ยน ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี พ.ต.ท.กิตติ ลิขิตที่รุ่งเรือง สว.สส.สภ.เมืองสุพรรณบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.เมือง ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบสวน กก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสืบหาเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุกระทั่งสามารถติดตามจับคนร้ายที่ก่อเหตุได้ ขณะขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน อยู่ในพื้นที่ อ.อู่ทอง จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่สภ.เมืองสุพรรณบุรี
อ่านข่าว-ล่าคนใจบาปใช้แบงค์กาโม่ ซื้อข้าวยายขายข้าววัย70
จากการสอบสวนทราบชื่อ น.ส.เดือนเพ็ญ นามสมมติ อายุ 53 ปี บ้านอยู่พื้นที่ อ.เมืองสุพรรณบุรี โดย น.ส.เดือนเพ็ญ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง และอ้างว่าวันเกิดเหตุได้ขับรถออกมาหางานทำแต่น้ำมันหมด เมื่อมาถึงที่คุณยายยืนขายข้าวเห็นว่าคุณยายมีอายุมากแล้วน่าจะหลอกได้ง่ายๆ จึงคิดอุบายแวะเข้าไปหาสั่งซื้อข้าวและลูกชิ้นกับคุณยาย โดยนำแบงก์กาโม่ที่นำติดตัวมายื่นให้และคุณยาย ส่งเงินทอนให้โดยไม่ได้ตรวจสอบแบ๊งค์กาโม่ ที่ยื่นให้จึงรีบขี่รถหนีไปทันที หลังก่อเหตุได้กลับไปอยู่ที่บ้านในพื้นที่ อ.เมืองสุพรรณบุรี และ อ.อู่ทอง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกระทั่งมาถูกจับได้ในที่สุด
พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่าหลังจับตัวได้แล้ว ได้เชิญคุณยายมาดูตัวว่าใช่คนเดียวกันหรือไม่ โดยคุณยายยืนยันว่าเป็น น.ส.เดือนเพ็ญ แต่ไม่ประสงค์จะเอาเรื่อง ขอยกโทษและอโหสิกรรมให้ และยังบอกกับคนร้ายด้วยว่าหากไม่ข้าวกินจริงๆ ก็ให้มาขอยาย ยายไม่ใจร้ายดีกว่ามาทำแบบนี้ ถึงแม้คุณยาย ไม่เอาความแต่ตนไม่ยอมปล่อยให้คนร้ายลอยนวลไปได้ง่ายๆได้สั่งการ พ.ต.อ.วรพจน์ วีเปลี่ยน ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี ให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบประวัติอาชญากรรมอย่างละเอียดอีกครั้งว่า น.ส.เดือนเพ็ญ เป็นผู้ต้องหามีหมายจับหรือไม่เนื่องจากมีประวัติเคยถูกจับคดีฉ้อโกงติดคุกหลายเดือนหลังพ้นโทษได้มาทำงานของขายอยู่ที่ อ.อู่ทอง เบื้องต้นยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เนื่องจากพฤติกรรมการก่อเหตุคนร้ายรายนี้มีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี ปกติรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุเป็นสีน้ำเงินแต่วันที่ก่อเหตุคนร้ายได้ใช้สีสเปรย์พ่นเป็นสีแดง หลังก่อเหตุได้กลับไปเปลี่ยนสีรถเป็นสีน้ำเงินตามเดิม ทำให้เจ้าหน้าที่หลงประเด็นไประยะหนึ่งสุดท้ายไม่รอดเงื้อมมือกฎหมายทำให้เชื่อว่าคนร้ายต้องเคยก่อเหตุมาแล้วอย่างโชกโชน
ภาพ/ข่าว ภัทรพล พรมพัก มงคล สว่างศรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สุพรรณบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง