ลิเวอร์พูลกับแชมป์สโมสรโลกหนแรก

 

 

แต่นาทีนี้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ก็สามารถบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้สโมสรได้สำเร็จ เมื่อลูกทีมของเจอร์เกน คลอปป์ ผงาดซิวแชมป์ “ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2019” ได้เป็นครั้งแรกด้วยการเฉือนชนะ ฟลาเมงโก ตัวแทนจากทวีปละตินอเมริกาไป 1-0

 

 

เจอปัญหาตั้งแต่ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์

 

ก่อนที่ทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลสโมสรโลกจะเปิดฉากแข่งขันระหว่าง วันที่ 11-22 ธันวาคม 2019 ลิเวอร์พูล ต้องเจอปัญหาเรื่องโปรแกรมการแข่งขันที่ทับซ้อนระหว่างฟุตบอลถ้วยในประเทศกับรายการชิงแชมป์สโมสรโลก ซึ่งโปรแกรมการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศไปคาบเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอลลีกคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งลงเตะก่อนหน้าเพียงแค่วันเดียว ทำให้ คลอปป์ ต้องตัดสินใจส่งนักเตะชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ไปลงชิงชัยในรายการลีกคัพกับแอสตัน วิลลา ซึ่งผลลัพธ์ลงเอยด้วยหงส์แดงชุดเด็กพ่ายไป 0-5

 

เหตุผลที่ลิเวอร์พูล ต้องเจอโปรแกรมกระชั้นชิดเช่นนี้เป็นเพราะถ้วยลีกคัพไม่สามารถเลื่อนการแข่งขันออกไปในช่วงเวลาอื่นได้อีกแล้ว

 

ประเด็นนี้ เจอร์เกน คลอปป์ ในฐานะคนทำทีมออกมาแสดงความเห็นโดยมองว่าฝั่งยุโรปไม่ค่อยให้ความสำคัญกับรายการชิงแชมป์สโมสรโลกเท่าไหร่

 

“โปรแกรมของฟลาเมงโก ถูกเคลียร์ให้ว่างเพื่อมาแข่งรายการนี้ เพื่อคว้าแชมป์ แล้วกลับบ้านอย่างฮีโร่ ส่วนเราถูกบอกให้อยู่บ้านและเล่นเกมคาราบาวคัพ อยู่เลย จะเห็นได้ว่าการให้ความสำคัญนั้นมันแตกต่างกันและเราก็อยากจะเปลี่ยนมุมมองนี้” คลอปป์ ระบุ

 

 

 

 

ทั้งนี้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ 2 เท่านั้นจากเกาะอังกฤษที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จต่อจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2008

 

 

 

 

2 นัด ในรอบ 4 วัน

 

มาถึงเกมรอบรองฯของถ้วยสโมสรโลกที่พวกเขามีคิวพบ มอนเตอร์เรย์ จากเม็กซิโก ทีมจากอังกฤษก็ต้องมาเจอปัญหาต่อเนื่องด้วยการขาด เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังตัวหลักที่เป็นไข้ไม่สามารถลงเล่นได้

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ตลอดทัวร์นาเมนต์นี้ต้องชมการวางหมากของเจอร์เกน คลอปป์ ที่สามารถจัดทีมชุดที่สมบูรณ์ที่สุดลงเล่นในเกมชิงแชมป์ 2 นัด ที่มีเวลาพักแค่ 2 วัน

 

เกมเจอกับตัวแทนจังโก้ คลอปป์ แก้ปัญหาขาดเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวกลางด้วยการขยับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์กัปตันทีมไปจับคู่กับ โจ โกเมซ 

 

ขณะเดียวกันยังหมุนเวียนนักเตะชุด 11 ตัวจริงหลายรายเพื่อเก็บความสดไว้เผื่อลงบู๊ในเกมนัดชิงฯหากสามารถฝ่าด่านไปได้

 

แดนกลางนายใหญ่เยอรมนีเลือกพัก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ไว้ที่ม้านั่งสำรองแล้วใช้ เจมส์ มิลเนอร์ เล่นแบ็กขวา 

 

ส่ง อดัม ลัลลานา ลงเล่นตัวตัดเกม ส่วนสามแนวรุกใช้งาน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประสานงานกับ เซอร์ดาน ชากิรี และดิวอค โอริกี โดยพัก ซาดิโอ มาเน กับ โรแบร์โต ฟีร์มิโน ก่อนจะส่งลงเล่นในช่วงท้ายและเป็น ฟีร์มิโน กับ เทรนท์ 2 ตัวสำรองที่มาเป็นทีเด็ดช่วยให้ทีมเฉือนชนะ 2-1 พร้อมตีตั๋วรอบชิงไปดวล ฟลาเมงโก

 

เกมรอบรองฯ กว่าหงส์แดงจะมาได้ประตูตัดสินเกมก็ต้องรอถึงช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+1 ขณะที่นัดชิงที่สนามคาลิฟา อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม ของกาตาร์ สาวกหงส์แดงก็ต้องรอประตูชัยถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 99 โดย ฟีร์มิโน รับบทฮีโร่ทั้งสองเกม

 

ตลอด 90 นาที กับทีมแชมป์จากทวีปอเมริกาใต้ ต้องยอมรับว่าไม่ใช่งานง่ายของลิเวอร์พูล แม้พวกเขาจะมีจังหวะจะแจ้งพอสมควร แต่ทีมจากบราซิลก็มีจังหวะสร้างอันตรายอยู่ตลอดเช่นกัน แต่ครั้งนี้โชคดีที่พวกเขาได้ ฟาน ไดค์ หายป่วยกลับมาประจำการแนวรับได้ทันเวลา

 

 

 

 

ที่จริง ลิเวอร์พูล เกือบตัดสินเกมได้ตั้งแต่ 90 นาที เมื่อผู้ตัดสินเป่าจุดโทษให้ในจังหวะที่ มาเน ไปโดน ราฟินา ตัดฟาวล์ แต่สุดท้ายเมื่อมาเช็ก “วีเออาร์” จังหวะนี้ถูกเปลี่ยนคำตัดสิน ทำให้เกมต้องยื้อถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่จนแล้วจนรอด มาเน เจ้าเก่าก็มาแผลงฤทธิ์อีกครั้งเมื่อเป็นคนผ่านบอลให้ ฟีร์มิโน กระทุ้งประตูชัยแบบเด็ดขาดและเป็นประตูเดียวในเกมนี้ที่ส่งให้ ลิเวอร์พูล ผงาดแชมป์ฟุตบอลฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ ไปได้สำเร็จ ล้างตาจากความผิดหวังที่เคยเข้าชิงฯรายการนี้แล้วเสียท่าให้ เซาเปาโล เมื่อปี 2005

 

ขณะเดียวกันปี 2019 มาเน ยังเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมกับประตูที่ลิเวอร์พูลทำได้มากที่สุดในทีมจากการยิง 30 ประตู กับ 8 แอสซิสต์

 

 

 

 

สถิติน่าสนใจหลังเกมนัดชิงฯฟุตบอลสโมสรโลก

- นี่เป็นครั้งที่ 4 ของฟุตบอลสโมสรโลกที่ต้องต่อเวลาพิเศษในเกมรอบชิงชนะเลิศ

- ทีมจากยุโรปคว้าแชมป์ 12 จาก 13 ครั้งหลังสุด และเป็นการคว้าแชมป์ปีที่ 7 ติดต่อกัน

- เกมที่ลิเวอร์พูล ชนะ ฟลาเมงโก ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ทีมจากอังกฤษสามารถเอาชนะทีมจากบราซิล ต่อจากครั้งแรกที่แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะ พัลไมรัส ปี 1999 โดยตอนนั้นยังใช้ชื่อรายการอินเตอร์ คอนติเนนตัล คัพ

- จากสถิติรอบชิงชนะเลิศ 10 ครั้งหลังสุดในรายการนี้มีเพียง 2 นัดเท่านั้น (เรอัล มาดริด 4-2 คาชิมา แอนท์เลอร์ส ปี 2016 กับ (เรอัล มาดริด 4-1 อัล-ไอน์ ปี 2018) ที่ทีมรองแชมป์สามารถยิงประตูได้ ที่เหลือรองแชมป์จบเกมด้วยสกอร์ 0 ทั้งสิ้น

- ฟลาเมงโก กลายเป็นทีมจากบราซิลทีมที่ 4 ที่เข้าป้ายรองแชมป์รายการนี้ โดย บราซิล เป็นชาติที่อกหักได้รองแชมป์ฟุตบอลสโมสรโลกมากที่สุด

 

 

ปี 2019 ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ถึง 3 รายการ ไล่ตั้งแต่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และฟุตบอลสโมสรโลกเที่ยวล่าสุด โดยโปรแกรมนัดถัดไป ลิเวอร์พูล จะกลับไปเล่นในพรีเมีรย์ลีก อังกฤษ ด้วยการบุกเยือน เลสเตอร์ ซิตี รองจ่าฝูง ที่เวลานี้พวกเขาทิ้งห่างทีมจิ้งจอกสีน้ำเงินอยู่ 10 แต้ม และมีเกมในมือมากกว่า 1 นัด หลังล่าสุดลูกทีมเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ไปเสียท่า แมนฯ ซิตี 1-3 ในวันเดียวกับที่ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์สโมสรโลก

 

เกมระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ เลสเตอร์ จะลงเตะในคืนวันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม เวลา 03.00 น.

 

ภาพ : AFP

เรียบเรียง : พชร นาคจู