ประปาอุบลฯ เตรียมรื้อถอนท่อบริเวณทางลอดดงอู่ผึ้ง สวนวนารมย์ | คมชัดลึก

จากกรณีที่มีความห่วงใยว่าโครงการก่อสร้างทางลอดสี่แยกดงอู่ผึ้ง และสี่แยกวนารมณ์อาจล่าช้ากว่ากำหนดเนื่องจากติดปัญหาการย้ายท่อประปาออกจากแนวการก่อสร้างในบริเวณสี่แยกทั้งสองแห่ง ทำให้การขุดอุโมงค์ทางลอดต้องเลื่อนออกไปจากกำหนดเดิมนั้น  เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายวีรวัฒน์  อังควณิช ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค สาขาอุบลราชธานี ได้ออกมาชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า ขณะนี้การประปามีงบประมาณเพื่อดำเนินการรื้อย้ายท่อประปาออกจากแนวก่อสร้างทั้งสองจุดจำนวน 35 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถดำเนินการลงนามในสัญญากับผู้รับจ้างได้ภายในสัปดาห์นี้หรือไม่เกินสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงแนวอุโมงค์ที่จะทำการขุดทางลอดขณะนี้ไม่มีท่อประปาเหลือแล้วเนื่องจากทางประปาได้ดำเนินการตัดท่อประปาทิ้งแล้ว ส่วนที่ยังเหลือและต้องรื้อย้ายคือบริเวณใกล้โรงเรียนสอนดนตรียามาฮ่าที่ใกล้สี่แยกวนารมณ์ และบริเวณตะวันแดงใกล้สี่แยกดงอู่ผึ้ง ซึ่งเป็นท่อประปาขนาดใหญ่คือ 300 มิลลิเมตร หรือเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ฟุต ที่มีปัญหาตัดทิ้งหรือยกเลิกไม่ได้ ซึ่งเมื่อรื้อแล้วจะต้องวางลงได้ทันที และจุดดังกล่าวก็อยู่ไกลสี่แยกพอสมควร ดังนั้นจึงต้องรอว่าแนวถนนที่จะวางท่อประปาที่ชัดเจนอยู่จุดใด

 “จริงๆโครงการนี้มีการประชุมร่วมกันมาสองปีเป็นระยะตามรูปแบบระบบงานของส่วนราชการ ไม่ใช่การประสานงานเพิ่งเป็น แต่เป็นรูปแบบการทำงานเหมือนกันทั่วประเทศ เป็นเรื่องธรรมดาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่า ถามว่าประปาเป็นส่วนหนึ่งของการขวางทางก่อสร้างจริงไหมก็คงต้องยอมรับว่าจริง แต่คงไม่ใช่เป็นประเด็นว่าจะทำให้ขุดอุโมงค์ไม่ได้ อาจเป็นการสื่อสารที่บกพร่องไปบ้าง หรืออาจมีเหตุความจำเป็นเพื่อบอกข้อเท็จจริงบางส่วนเท่านั้น จริงๆ ประปาส่วนหนึ่งความยากง่ายของมันหากเอาท่อประปาใหญ่ๆ ขึ้นมาก็ต้องวาง เพราะจะไปวางไว้ตรงไหนไม่ได้ เราคงต้องรอสุดท้ายจริงๆ ว่าถนนจะถึงตรงไหนประปาถึงจะย้ายได้ ไม่เช่นนั้นจะกระทบกับผู้ใช้น้ำเพราะเป็นท่อเมนใหญ่”

              นายวีรวัฒน์   กล่าวถึงการใช้น้ำของประชาชนในช่วงการก่อสร้างทางลอดในสี่แยกทั้งสองแห่งว่า  ประมาณ 2 ปีที่มีโครงการนี้ขึ้นมา การประปามองถึงทิศทางการไหลของน้ำไว้แล้ว คือหากมองศาลากลางจังหวัดอุบลฯ เป็นหลักเดิมผู้ใช้น้ำจะรับน้ำจากจุดกระจายน้ำที่โรงเรียนเบญจมะมหาราชไปที่ดงอู่ผึ้ง จากนั้นไปศาลากลางจังหวัด แต่พอทำถนนบริเวณดงอู่ผึ้งน้ำไม่สามารถข้ามไปได้ ประปาต้องนำน้ำจาก อ.วารินชำราบ มาทางหาดดูเดื่อเพื่อให้ผู้ใช้น้ำฝั่งนี้ใช้ได้  เช่นเดียวกับจุดก่อสร้างที่สี่แยกวนารมณ์ ก็วางแผนรับน้ำจากจุด ต.กุดลาด เพื่อจ่ายน้ำจ่ายให้กับประชาชนโดยยกเลิกการใช้ท่อกลางถนนบริเวณสี่แยก กล่าวคือเอาน้ำคนละฝั่งมาเติมให้เพื่อลดปัญหาช่วงการก่อสร้าง แต่แรงดันน้ำอาจจะน้อยลง และเมื่อโครงการแล้วเสร็จประปาก็จะใช้เงินอีกก้อนหนึ่งมาประสานใหม่ ดังนั้นการใช้งบประมาณ 35 ล้านบาท ที่กล่าวถึงจึงเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะเพื่อไม่ให้กีดขวางการก่อสร้างเท่านั้น

          นายเดชา  นาคแท้  วิศวกรผู้ควบคุมโครงการก่อสร้างทางลอดทางแยกดงอู่ผึ้ง-แยกวนารมณ์  บริษัท ส.เขมราฐ อินดัสตรี้ จำกัด  เปิดเผยว่า ขณะนี้การก่อสร้างบริเวณสี่แยกทั้งสองแห่งได้คืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะที่ผ่านมาได้ทำการวางท่อระบายน้ำบริเวณส่วนขยายของพื้นผิวจราจารทั้งในบริเวณสี่แยกดงอู่ผึ้ง และสี่แยกวนารมณ์ เฉพาะในส่วนที่ดำเนินการได้ โดยพยายามรบกวนการสัญจรไปมาของประชาชนให้น้อยที่สุด ส่วนการวางท่อระบายน้ำในส่วนที่ยังดำเนินการไม่ได้ ประกอบด้วย 3 จุด ได้แก่ 1.บริเวณสี่แยกวนารมณ์ ทางที่จะไปดงอู่ผึ้ง หรือบริเวณหน้านครชัยแอร์ ซึ่งจุดนี้จะต้องวางท่อระบายน้ำเพื่อระบายลงสู่ลำคลองเส้นที่ผ่านบิ๊กซีและแม็คโครเพื่อให้น้ำระบายมูลน้อยด้านห้วยแจระแม  2. จุดบริเวณแยกดงอู่ผึ้งจากโตโยต้า-ตะวันแดง ไปจนถึงสี่แยกดงอู่ผึ้ง และ 3. จุดบริเวณวัดป่าแสนอุดม ไปหาคอสะพานข้ามลำน้ำมูลน้อย ทางไปเซ็นทรัลฯ ซึ่งจุดนี้จะทำเพื่อระบายน้ำลงสู่ลำน้ำมูลน้อย โดยทั้งสามจุดรอการย้ายท่อประปา และต่อเมื่อการวางท่อระบายน้ำเพื่อทำพื้นผิวจราจรในส่วนขยายผิวถนนเพื่อให้เป็นทางเบี่ยงในรอบจุดก่อสร้างเพื่อให้ประชาชนสัญจรไปไม่ได้ก็ยังไม่สามารถดำเนินการขุดทางลอดได้ อย่างไรก็ตามทราบว่าทางประปาได้งบประมาณและได้ตัวผู้รับเหมาพร้อมที่จะเซ็นต์สัญญารับจ้างรื้อถอนก็รู้สึกดีใจและโล่งใจ โดยขอขอบคุณทางการประปาที่เร่งดำเนินการให้ และทางโครงการฯ จะเร่งทำงานเรื่องการวางท่อระบายน้ำควบคู่ไปกับการรื้อถอนของท่อประปา เพื่อให้การก่อสร้างทางเบี่ยงรอบแนวก่อสร้างสามารถทำได้แล้วเสร็จโดยเร็ว ก่อนที่จะดำเนินการขุดพื้นผิวจราจรในบริเวณสี่แยกทั้งสองแห่งเพื่อทำทางลอดต่อไป โดยหากไม่มีอุปสรรคใดคาดว่าอย่างเร็วน่าจะประมาณเดือนมีนาคม 2563 จะเริ่มลงมือขุดอุโมงค์ทางลอดได้ จึงขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่บูรณาการร่วมกันมาครั้งนี้ 

ภาพ/ข่าว กฤษณะ วิลามาศ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.อุบลราชธานี