
(ฉบับพิพากษาละเอียด) อุทธรณ์ ยืนจำคุกตลอดชีวิต ไซซะนะ
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ไซซะนะ สั่งการขนยาบ้า 1.2 ล้านเม็ดผ่านไทยขายต่อ ชี้คำอุทธรณ์ไม่มีน้ำหนักหักล้างหลักฐานอัยการ
19 ธันวาคม 2562 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 19 ธ.ค.62 เวลา 10.00 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อย.1642/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "นายไซซะนะ แก้วพิมพา" (MR.XAY SANA KEOPIMPHA) อายุ 44 ปี สัญชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เป็นจำเลย ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำเกี่ยวกับยาเสพติด,ร่วมกันนำเข้า ยาบ้าซึ่งเป็น ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพย์ติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 ,7, 8 ,15, 65, 66 และ 100/1 และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 4-5 ,8,14 ซึ่งได้ร่วมกับพวกมียาบ้า 1.2 เม็ดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
โดยอัยการยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 12 เม.ย.60 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า จำเลย กับพวกที่อยู่ สปป.ลาว ร่วมกันทำหน้าที่จัดหายาเสพติด รวมทั้งรถยนต์สำหรับซุกซ่อน และรถยนต์นำทางในการขนลำเลียงยาเสพติด โดยมีพวกของจำเลยที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลอาญาไว้แล้วรวม 6 คนร่วมกระทำผิดในการทำหน้าที่ขับรถรับยา จาก สปป.ลาว เข้ามาในประเทศไทยเพื่อส่งต่อ ซึ่งพวกจำเลยได้มีการขับรถนำทางและสำรวจเส้นทางเพื่อตรวจสอบว่ามีด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่
ก่อนที่จะประสานติดต่อกันเพื่อส่งมอบยาให้กับเครือข่ายยาเสพติดทางภาคใต้ ของไทยและประเทศมาเลเซียต่อไป โดยเมื่อวันที่ 30 ก.ย.59 จำเลยกับพวกที่ถูกยื่นฟ้องแล้ว และอีกหลายคนที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้ร่วมกันนำยาบ้า 1.2 ล้านเม็ดจาก สปป.ลาว ซุกซ่อนในช่องลับใต้หลังคารถยนต์ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคายเข้ามาในไทย โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค.59 ตำรวจสามารถจับเครือข่ายจำเลยพร้อมยึดยาของกลางได้กระทั่งขยายผลการจับกุมพวกจำเลยที่อัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีไว้แล้ว ก่อนจะจับกุมจำเลยได้เมื่อวันที่ 19 ม.ค.60 ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพซึ่งระหว่างนั้นจำเลยได้ถูกควบคุมตัวไว้ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางมาโดยตลอด เหตุเกิดที่ สปป.ลาว, ด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย , ด่านตรวจยาเสพติดสีคิ้ว จ.นครราชสีมา , ด่านตรวจยาเสพติดบ้านพละ จ.ชุมพร และลานจอดรถโรงแรมคริสตัน จ.สงขลา
โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 มี.ค.61 ว่า นายไซซะนะ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม (2) , 65 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) , 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 5 (1) , 8 วรรคสอง ฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน , ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานร่วมกันนำเข้าเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย นั้นเป็นการกระทำกรรมเดียว แต่ผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งแต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันนำเข้าเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เพียงบทเดียวโดยให้ประหารชีวิตนายไซซะนะ ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง ศาลจึงลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิต ต่อมาจำเลย ยื่นอุทธรณ์สู้คดี
ขณะที่วันนี้ ศาลได้เบิกตัว "นายไซซะนะ" จำเลย มาจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง พร้อมฟังคำพิพากษาอุทธรณ์
โดยผลคำพิพากษานั้น "ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติด" ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าอาจจะมีความคลาดเคลื่อนเรื่องภาษาและความเข้าใจนั้น เห็นว่าการทำคดีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน พนักงานสอบสวนต้องทำงานอย่างรอบคอบอยู่แล้ว และระหว่างดำเนินคดีมีล่ามและทนายเข้าร่วมโดยตลอดตามหลักกฎหมาย หากเกิดการไม่เข้าใจหรือสถานทูตมีข้อสงสัยสามารถสอบถามจากทางล่ามได้
ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ระหว่างวันที่ 18-30 ก.ย.59 จำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการรับโอนเงินจากการค้ายาเสพติดนั้น โจทก์ มีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบิกความว่าตำรวจจับกุมนายทรรศพล พลธี จำเลยคดีหมายเลขดำ อย.5837/2559 ได้ขณะขับรถตู้ขนลำเลียงยาเสพติดพร้อมพวกรวม 6 คน และการตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยู่ เมื่อนายทรรศพลลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเพื่อส่งมอบแก่ลูกค้าซึ่งเป็นการการะทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจากที่ได้มีการสมคบกัน ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเป็นผู้สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามพ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคสอง ข้อต่อสู้ของจำเลยไม่มีน้ำหนักเพียงพอหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้
ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดนอกราชอาณาจักรนั้น เห็นว่าการค้ายาเสพติดดังกล่าวมีความประสงค์ให้เกิดความผิดขึ้นในราชอาณาจักร ประกอบกับมีร่วมกระทำความผิดเป็นคนไทย จำเลยจึงต้องรับโทษในราชอาญาจักรไทย ตามพ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ มาตรา 5 (1) (2)
แต่สำหรับความผิดฐานร่วมกันนำยาบ้าของกลางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย และร่วมกันนำยาบ้าในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยร่วมกระทำความผิดดังกล่าวด้วย ซึ่งกรณีไม่อาจพิพากษาเกินคำขอหรือไม่ได้กล่าวในฟ้อง แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ซึ่งแม้จะไม่มีคู่ความใดอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดก็มีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3ยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้
จึงพิพากษาแก้ ในส่วนมาตราลงโทษเป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 5 (1)(2) ฐานผู้ใดกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด แม้จะกระทํานอกราชอาณาจักรผู้นั้นจะต้องรับโทษในราชอาณาจักร เมื่อปรากฏว่าผู้กระทําความผิดหรือผู้ร่วมกระทําความผิดคนใดคนหนึ่งเป็นคนไทยหรือมีถิ่นที่อยู่ในประเทศ ไทย หรือผู้กระทําความผิดเป็นคนต่างด้าวและได้กระทําโดยประสงค์ให้ความผิดเกิดขึ้นในราชอาณาจักรฯ , มาตรา 8 วรรคสอง ผู้ใดสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด , พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) , มาตรา 65 วรรคสอง ผู้ใดผลิต , นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เพื่อจำหน่ายฯ , มาตรา 66 วรรคสาม ผู้ใดจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้ รับอนุญาตฯ ซึ่งคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกิน 20 กรัมขึ้นไป และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
นอกจากที่แก้บทมาตรา ก็ให้ผลเป็นไปตามศาลชั้นต้นซึ่งพิพากษาจำคุก นายไซซะนะ จำเลยไว้ตลอดชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากสำนวนคดีนี้แล้ว "นายไซซะนะ" ยังถูกฟ้องในคดีหมายเลขดำ อย.2833/2560 ซึ่งพนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 ได้ยื่นฟ้องนายไซซะนะ ร่วมกับชายคนไทยอีก 2 คนด้วยในความผิดฐาน สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด , ร่วมกันมียาบ้า ซึ่งเป็นยาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต กรณีสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 23 ก.ค.58- 30 ธ.ค.59 จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันมียาบ้า 3,381,400 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย พร้อมเงินอีก 144 ล้านบาท ซึ่งอัยการได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 27 ก.ค.60 และศาลอาญา มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.ย.61 ให้ประหารชีวิต "นายไซซะนะ" และชายไทยอีกคน แต่คำให้การชั้นสอบสวนและคำเบิกความบางส่วนของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ศาลจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้ตลอดชีวิต และให้นับโทษนายไซซะนะต่อจากยาบ้าสำนวนแรกจำนวน 1.2 ล้านเม็ด ที่ศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตไปแล้วด้วย
ทั้งนี้สำหรับ "นายไซซะนะ" ถูกรวบตัวกลางสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเดือน ม.ค.60 กระทั่งมีการฟ้องคดี ไม่เคยได้รับการประกันตัว
ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 มี.ค.61 ให้ประหารชีวิตนายไซซะนะ เนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าจำเลยเป็นผู้สั่งการ ให้มีการลำเลียงยาบ้า เพื่อส่งผู้ลูกค้าในประเทศไทย ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง ศาลจึงลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกตลอดชีวิต ต่อมาจำเลย ยื่นอุทธรณ์สู้คดี
ขณะที่วันนี้ ศาลได้เบิกตัว "นายไซซะนะ" จำเลย มาจากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง พร้อมฟังคำพิพากษาอุทธรณ์
ขณะที่ "ศาลอุทธรณ์" พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคง อุทธรณ์จำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างได้ ซึ่งแม้จะเป็นชาวต่างชาติและการกระทำเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรแต่ประสงค์ให้เกิดในราชอาณาจักรด้วยจึงต้องดำเนินคดีและนับโทษตามกฎหมายในประเทศไทย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษนั้นชอบแล้ว จึงพิพากษายืนจำคุกไว้ตลอดชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากสำนวนคดีนี้แล้ว "นายไซซะนะ" ยังถูกฟ้องในคดีหมายเลขดำ อย.2833/2560 ซึ่งพนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 ได้ยื่นฟ้องนายไซซะนะ ร่วมกับชายคนไทยอีก 2 คนด้วยในความผิดฐาน สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด , ร่วมกันมียาบ้า ซึ่งเป็นยาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
กรณีสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 23 ก.ค.58- 30 ธ.ค.59 จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันมียาบ้า 3,381,400 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย พร้อมเงินอีก 144 ล้านบาท ซึ่งอัยการได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 27 ก.ค.60 และศาลอาญา มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.ย.61 ให้ประหารชีวิต "นายไซซะนะ" และชายไทยอีกคน แต่คำให้การชั้นสอบสวนและคำเบิกความบางส่วนของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ศาลจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้ตลอดชีวิต และให้นับโทษนายไซซะนะต่อจากยาบ้าสำนวนแรกจำนวน 1.2 ล้านเม็ด ที่ศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตไปแล้วด้วย
สำหรับ "นายไซซะนะ" ถูกรวบตัวกลางสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเดือน ม.ค.60 กระทั่งมีการฟ้องคดี ไม่เคยได้รับการประกันตัว