ผู้ตรวจการแผ่นดินลงเกาะหลีเป๊ะแก้ปัญหาขยะ น้ำท่วมและผังเมือง

                นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยพันตำรวจเอก วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ และนางศรีสุดา รักษ์เผ่า ที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน และพันโท เทพจิต วีณะคุปต์ ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 4 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ ม.7และ 8 เกาะหลีเป๊ะ อ.เมือง จ.  สตูล เพื่อตรวจสอบกรณีปัญหาการบริหารจัดการขยะบนเกาะหลีเป๊ะ  การบุกรุกที่ดินอุทยานแห่งชาติตะรุเตา   การรุกล้ำปิดกั้นลำรางทำให้เกิดน้ำท่วมขังบนเกาะ  และการวางผังเมืองบนกาะหลีเป๊ะ  โดยมีนายทวี ศรีอำภรณ์  ปลัดอบต.เกาะสาหร่าย ทำหน้าที่นายกอบต.เกาะสาหร่าย และผู้เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ โดยมีการประชุมรับฟังสรุปสภาพปัญหาปริมาณขยะและผลกระทบบนเกาะหลีเป๊ะที่ห้องประชุมอบต.เกาะสาหร่าย  จากนั้นคณะได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงบริเวณพิพาทกรณีเอกชนทำการปิดกั้นลำรางสาธารณะและที่ดินแก้มลิง จากนั้นเดินทางลงไปดูบ้านเรือนราษฎรชาวเลที่ประสบปัญหาจากภาวะน้ำท่วมขังที่มีขึ้นบ่อยครั้งเพื่อดูสภาพพื้นที่จริง รวมทั้งเดินทางไปยังร.ร.บ้านเกาะอาดังเพื่อพบปะกับครูและนักเรียนซึ่งได้ทำโครงการธนาคารขยะขึ้นในร.ร.ด้วย

                 นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าการลงพื้นที่จ.สตูลครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาขยะและข้อพิพาทที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะ พร้อมประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 17- 18 ธันวาคม 2562 เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งปัญหาขยะบนเกาะที่มีวันละ12-15 ตันหากช่วงเทศกาลและวันหยุดวันละ20 ตันมีการคัดแยกและจัดการขยะของ อบต.เกาะสาหร่าย มีการคัดแยกและลำเลียงไปกำจัดบนฝั่ง ต่อมาอุทยานแห่งชาติตะรุเตาได้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับโรงงานขยะดังกล่าวและศาลมีคำสั่งให้โรงงานคืนพื้นที่ให้อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ทำให้การบริหารจัดการขยะในพื้นที่ข้ดข้องเนื่องจากไม่มีพื้นที่เป็นโรงงานคัดแยกขยะ ผู้ตรวจการแผ่นดินเล็งเห็นถึงปัญหาขยะล้นเกาะที่อาจกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมบนเกาะ จึงเร่งประสานอุทยานแห่งชาติตะรุเตาเพื่อขออนุญาตให้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดคัดแยกขยะ ส่งไปกำจัด เพื่อลดปริมาณขยะบนเกาะต่อไป

  ส่วนเรื่องพิพาทกรณีเอกชนทำการปิดกั้นลำรางสาธารณะ โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ของผู้ประกอบการเอง ซึ่งมีการก่อสร้างรีสอร์ทขวางทางเดินน้ำธรรมชาติ และไม่อนุญาตให้ขุดทำท่อระบายน้ำออกสู่ทะเลเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมขังบ่อยครั้ง จึงได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งส่งเรื่องขอให้กรมที่ดินแปลภาพถ่ายทางอากาศประกอบการพิจารณายืนยันพิกัดเขตพื้นที่ดังกล่าวเพื่อนำไปสู่แก้ไขปัญหาเนื่องจากเอกสารที่ดินไม่มีลำรางสาธารณะไม่ตรงกับคำให้การของชาวบ้านทำให้ไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ดำเนินการได้  ส่วนเรื่องผังเมือง ซึ่งผังเมืองเกาะหลีเป๊ะเป็นเขตอนุรักษ์ป่าไม้ทั้งหมด   ทางผังเมืองจะเข้ามารับฟังความคิดเห็นของประชาชนซึ่งมีความกังวลกันมาก ซึ่งการวางผังเมืองเองก็มีเงื่อนไขที่ไม่ละเมิดสิทธิ์เอกชนโดยให้มีการสื่อสารกันเพื่อให้เกิดความถูกต้อง  ซึ่งทั้ง 3 เรื่องที่ลงมาเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือลำรางน้ำ เนื่องจากมีผลกระทบต่อประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างมาก

ภาพ/ข่าว  สุไหล  โพธิ์ดก  ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจ.สตูล