ข่าว

จับตาปี 63 ราคาทองคำมีลุ้นแตะ 23,100 บาท

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

YLG คาดตลาดทองยังคึกคัก แม้จีน-สหรัฐผ่านข้อตกลงการค้าเฟส1 ส่งสัญญาณเชิงบวก แต่ระยะยาวยังเสี่ยงสูง ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เผยปี63 มีลุ้นแตะ 23,100 บาท

 

 

          วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล เผยแม้สงครามการค้าจีน-สหรัฐบรรลุข้อตกลงเฟส 1 เลี่ยงเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรอบวันที่ 15 ธ.ค. ส่งสัญญาณเชิงบวกอาจจะมีข้อยุติหลังยืดเยื้อมากว่า 1 ปี แต่ในระยะยาวยังมีความไม่แน่นอนสูง เชื่อตลาดทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่เงินทุนไหลเข้าอย่างมาก โดยปี 62 ราคาทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้น 15% ส่วนในประเทศเพิ่มขึ้น 7.4% สำหรับทิศทางราคาทองปี 63 ยังต้องจับตาประเด็นสงครามการค้า แต่ถ้าราคาทองคำขยับขึ้นต่อมีลุ้นแตะ 23,100 บาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ในปี 56

 

จับตาปี 63 ราคาทองคำมีลุ้นแตะ 23,100 บาท

 

          เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.62 นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ล่าสุด จีนและสหรัฐมีการบรรลุข้อตกลงการค้า Phase one ร่วมกัน ทำให้จีนรอดพ้นจากการถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ในอัตรา 15% ต่อสินค้าจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวลดลงจากการประกาศดังกล่าวมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะตลาดรับรู้ข่าวนี้ไปบ้างแล้ว ประกอบกับสหรัฐยังเก็บภาษี 25% ต่อสินค้าจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ต่อไป แม้ว่าจะลดภาษีต่อสินค้าจีนวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ลงเหลือ 7.5% แต่ภาษีนำเข้าส่วนใหญ่ยังมีผลบังคับใช้อยู่   สะท้อนข้อตกลงการค้า Phase One ไม่ดีมากพอจะทำให้ตลาดมั่นใจต่อสถานการณ์ในอนาคต นักลงทุนบางส่วนจึงยังคงถือครองทองคำที่อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยง

 

จับตาปี 63 ราคาทองคำมีลุ้นแตะ 23,100 บาท

 

          นางพวรรณ์ กล่าวอึกว่า สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดผลกระทบที่ล้วนแล้วแต่ส่งผลหนุนราคาทองคำในตลาดโลกให้ปรับตัวขึ้นถึง 15% ในปี 2562 ส่วนราคาทองคำในประเทศให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 7.4% เนื่องจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง จนทำให้เกิดความวิตกต่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต ส่งผลกระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ อีกทั้งยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินธนาคารกลางทั่วโลกไปสู่แนวโน้มเชิงผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังเป็นที่มาที่ทำให้เกิดกระแสเงินทุนไหลเข้าทองคำ  สะท้อนจากการถือครองทองคำจากกองทุน ETF ทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น พร้อมๆ กับแรงเก็งกำไรของนักลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส COMEX ไม่เพียงเท่านั้นธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกยังเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำในพอร์ตเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอีกด้วย  

 

จับตาปี 63 ราคาทองคำมีลุ้นแตะ 23,100 บาท

 

          ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าวด้วยว่า ส่วนแนวโน้มราคาทองคำปี 2563 ยังต้องจับตาดูประเด็นเรื่องสงครามการค้าต่อเนื่อง เพราะแม้ว่าในระยะยาวยังไม่มีความชัดเจน แต่หากทั้ง 2 ประเทศหาข้อยุติได้อาจเกิดแรงขายทองคำได้ จึงต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะ อย่างไรก็ตามคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายซึ่งจะทำให้ตลาดทองคำยังคงได้รับความสนใจ และหากราคาทองสามารถทรงตัวรักษาระดับเหนือ 1,445-1,390 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ หรือ  20,600-19,850 บาทต่อบาททองคำ จะยังมีโอกาสที่ราคาจะแตะระดับสูงสุดของปี 2562 บริเวณ 1,557-1,535 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ  22,250-21,900 บาทต่อบาททองคำ และหากทรงตัวในระดับนี้ได้จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปต่อที่ระดับ 1,603-1,616 ดอลลาร์ต่อออนซ์  หรือ  22,900-23,100 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของราคาช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. ปี 2556  

 

          “การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐจะกลายเป็นปัจจัยกดดันทองคำ ก็ต่อเมื่อเกิดความคืบหน้ามากพอจะทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเปลี่ยนจุดยืนการดำเนินนโยบายการเงินจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินไปสู่การกลับมาคุมเข้มนโยบายการเงิน ตราบใดที่ทั้ง 2 ประเทศยังไม่สามารถแก้ปัญหาในประเด็นหลักที่เกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าได้ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนทองคำที่อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย พร้อมกับสนับสนุนให้ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป ซึ่งจะช่วยหนุนราคาทองคำต่อไปในปี 2563”  นางพวรรณ์ กล่าว 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ